I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Tales of Demons & Gods (妖神记) ตอนที่ 207 เอียมัว

| Tales of Demons & Gods (妖神记) | 23260 | 2527 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

โลกนรกานต์

‘เนียหลี่’และพรรคพวกของเขาเดินวกวนผ่านความมืด, ทั้งหมดก็เพราะมันคือเส้นทางที่นำไปสู่ปากทางออกจากโลกนรกานต์แห่งนี้ บางครั้งบางคราว,ก็จะมีเงาดำในระยะสุดสายตาแล่นพุ่งผ่านไป, สิ่งเหล่านั้นก็คือเงาของพวกค้างคาวภูตผี

เมื่อพวกเขาเข้าใกล้ปากทางออก, หลังจากเดินทางกันมาหลายวัน ‘เนียหลี่’ก็พบว่า ทุ่งข้าวสาลีถูกเติมเต็มไปด้วยโกโก้ครันช์ เอ้ย ..ค่ายของเหล่ายอดผีมือนับหลายหมื่น

(ขอสักมุข หลังจากไม่ได้มีคิวแปลมานาน >,,<)

‘เนียหลี่’หัวใจหล่นวูบ!! ที่แห่งนี้มันอยู่ใกล้ชิดติดแดนเขตแดนโลกนรกานต์เอาเสียมาก ซึ่งถ้าหากพวกเขาออกมาทางนี้ มันก็จะเป็นการง่ายที่จะค้นพบเจอเมืองกลอรี่ ดังนั้นที่กลุ่มคนที่มานี้พวกเขาพยายามจะทำอะไรกันแน่?

“รบกวนพวกท่านสามคนช่วยข้าไปสอดแนมถึงที่มาของพวกคนกลุ่มนั้นและรวมถึงว่าพวกเขามาทำการณ์อันใด ณ ที่แห่งนี่ จะได้หรือไม่?”

‘เนียหลี่’เอ่ยถาม’ลั่วหมิง’, ด้วยความไม่สบายใจ

“นายน้อยเนียหลี่, ข้าจะล่วงหน้าไปสอบแนมดู, และพวกเขาสองคนนี้จะคอยปกป้องท่านอยู่ที่นี่!”

‘ลั่วหมิง’กล่าวขึ้นหลังจากไตร่ตรองอยู่พักนึง เพราะถ้าหาก’เนียหลี่’ไม่มีใครอยู่ข้างคอยปกป้องซักคนเลย เขาก็ไม่สามารถมั่นใจอันใดได้

“ได้สิ”

‘เนียหลี่’พยักหน้า

‘ลั่วหมิง’นัดแนะกับอีกสองคนอยู่ซักครู่ แล้วจึงปลีกตัวไป

“พวกคนเหล่านั้นมาจากตระกูลหวู่กุ้ย ข้าได้ยินมาว่าพวกเขาค้นพบสถานที่ที่เรียกว่าเมืองกลอรี่แล้วจึงระดมพลยอดฝีมือมากมายเพื่อตระเตรียมเคลื่อนไปที่แห่งนั้น”

ลั่วหมิงขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วพูด

“ในบรรดาสิบห้าเมืองในเขตแดนโลกนรกานต์, ที่ไหนถูกเรียกว่าเมืองกลอรี่ มีไหม?”

เมื่อได้ยินที่’ลั่วหมิง’กล่าว ‘เนียหลี่’ก็หัวใจระส่ำระส่าย สิ่งที่เค้าเคยกังวลในที่สุดมันก็เกิดขึ้นจริงๆ เมืองกลอรี่ถูกค้นพบโดยตระกูลนี้ ตระกูลที่มีชื่อว่าหวู่กุ้ย…!!

เรื่องวิกฤติรุนแรงพรั่งพรูโถมหาเขา, ในบรรดาสิบห้าเมืองในเขตแดนโลกนรกานต์นั้นมียอดฝีมือชุมนุมรวมตัวอยู่มากมาย แต่อย่างไรสถานแห่งนี้(โลกนรกานต์)ก็หาได้อุดมสมบูรณ์ไม่

เมื่อพวกเขาได้ยินถึงสถานที่ที่อุดมสมบูรณ์ที่ถูกเรียกว่าเมืองกลอรี่ พวกเขาก็จะกลายเป็นผู้ล่าอาณานิคม ดั่งเหมือนหมาป่าที่พร้อมจะตะครุบเนื้อชิ้นใหญ่หอมฉุย

เขาเกรงว่ามันจะใช้เวลาไม่นานนักก่อนที่ทั้งเมืองกลอรี่จะถูกกลืนกินไปโดยเหล่านักล่าแสนหิวกระหายเหล่านี้จนไม่หลงเหลือสิ่งได้ ถึงแม้ปากทางออกนี้จะถูกปิดกั้น พวกเขาก็จะขุดหาช่องทางอื่นออกไปจนได้

แม้จะได้รับการช่วยเหลือจากตระกูลตราหยก, แต่เขาก็เกรงว่ามันจะเป็นการยากที่จะหยุดกลุ่มหมาป่าหิวที่ยกโขยงออกไปค้นหาเมืองกลอรี่เหล่านี้

สมาคมทมิฬเองก็รู้ถึงการมีอยู่ของเมืองกลอรี่มานานนับร้อยๆปีแล้ว แต่อย่างไร, ในเมื่อพวกเขาไม่ได้แพร่งพรายการมีอยู่ของเมืองกลอรี่ออกถึงให้หูเหล่ายอดฝีมือที่อยู่ในทั้งสิบห้าหัวเมืองของเขตแดนโลกนรกานต์

มันก็แสดงว่าสมาคมทมิฬบ่มเลี้ยงเมืองกลอรี่ไว้กอบโกยเอาประโยชน์ ดั่งเหมือนทรัพย์สินที่อยู่ในกระเป๋าของตัวที่ไม่คิดจะแบ่งปันกับผู้ใด

หลังจากปกปิดความลับนี้ไว้ยาวนานหลายปี ในที่สุดข้อมูลนี้ก็หลุดเผยแพร่งพรายออกมาจนได้

ความคิดนึงแว่บขึ้นมาในสมองของ’เนียหลี่’, ไอ้’เอียฮัน’! ไอ้เลวนี่เข้าร่วมกับตระกูลหวู่กุ้ย เรื่องนี้อาจจะไม่ใช่สมาชิกของสมาคมทมิฬแต่เป็นมันที่แพร่งพรายข้อมูลนี้

ก่อนที่จะมาที่เขตแดนโลกนรกานต์นี้ ‘เนียหลี่’หาได้คิดไม่ว่าโลกใต้พิภพจะกว้างใหญ่เพียงนี้ นอกเหนือจากกองกำลังของสมาคมทมิฬที่สร้างความยุ่งยากกับเขาและเมืองกลอรี่ได้แล้ว เขาเองนั้นก็ไม่เคยคิดเลยว่าลำพังความรู้ความสามารถของ’เอียฮัน’นั้น ถ้าไม่ได้สมาคมทมิฬมาหนุนหลัง เขาก็มิสามารถเป็นภัยอันใดต่อเมืองกลอรี่ได้หรอก

แต่อย่างไรก็เถอะ, ทุกสิ่งกลับเหนือความคาดหมายของเขาไปสิ้น จากสถานการณ์ในตอนนี้, เขาทำได้เพียงคิดหาทางออกให้ปัญหานี้ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

ยอดฝีมือนั้นมีอยู่มากมายในกองกำลังหรือตระกูลต่างๆที่อยู่ในเมืองทั้งสิบห้าของเขตแดนโลกนรกานต์ แถมพวกเขานั้นเป็นยอดฝีมือระดับกึ่งพระเจ้าอยู่หลายคนเลยทีเดียว ซ้ำร้าย, ระดับของตระกูลหวู่กุ้ยก็อยู่เหนือตระกูลตราหยกเสียด้วย ดังนั้น,มันจึงเป็นการยากที่พวกเขาจะช่วยรับมือได้

ด้วยกำลังของ’เนียหลี่’ในตอนนี้ ถึงแม้จะควบคุมค่ายกลหมื่นอสูร เขาก็อาจจะไม่สามารถรับประกันได้ว่าเมืองกลอรี่จะปลอดภัย

“มียอดฝีมือระดับสูงอยู่ในตระกูลหวู่กุ้ยมากเพียงไหนรึท่าน?”

‘เนียหลี่’เอ่ยถามแล้วมองไปทาง’ลั่วหมิง’และคนอื่นๆ

“ตระกูลหวู่กุ้ยพวกเขามียอดฝีมือระดับเซียนอยู่สามคนและระดับตำนานอยู่ ๒๕ คน”

‘ลั่วหมิง’กล่าวโดยไม่ปิดบังใดๆ ก่อนที่จะเดินทางกันมา, ‘ลั่วเซียว’ได้นัดแนะบ่งบอกไว้แล้วว่าให้เขาดูแล’เนียหลี่’เหมือนแขกสำคัญคนหนึ่ง แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าทำไมท่านหัวหน้าตระกูล’ลั่วเซียว’ถึงให้ความสำคัญ’เนียหลี่’ถึงเพียงนี้ แต่เขาก็ไอ้อาจหาญที่จะเพิกเฉยคำสั่ง

“หากตระกูลหวู่กุ้ยหมายที่จะครอบครองเมืองกลอรี่ พวกเขาจะส่งคนไปมากน้อยเพียงใด?”

‘เนียหลี่’ถามต่อ, สถานการณ์ต่างการกระทำย่อมต่าง, ที่ถามเพื่อข้าจะได้หามาตรการที่เหมาะสมสำหรับใช้รับมือกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริงในครั้งนี้ เมื่อตระกูลหวู่กุ้ยรุกเข้ามา เขาก็จะต้องคิดวิธีการอย่างระมัดระวังเพื่อใช้รับมือ

“ตระกูลหวู่กุ้ยนั้นมีศัตรูอยู่มากมาย, ดังนั้นยอดฝีมือระดับเซียนทั้งสามน่าจะอยู่คอยปกป้องคุ้มกันตระกูลอยู่ที่ฐานกำลังหลัก ดังนั้นอย่างมากที่สุดพวกเขาน่าจะส่งมาแค่ยอดฝีมือระดับตำนานจำนวนนึง เพราะพวกเขายังคงต้องการดูว่าสถานที่ที่เรียกว่าเมืองกลอรี่นั้นเป็นแบบไหนกัน เว้นแต่ตระกูลหวู่กุ้ยคิดยอมทิ้งรากฐานของตัวเอง ถ้าเป็นเช่นนั้น, พวกเขาคงจะยกพลมาเต็มอัตราศึก”

หลังจากได้ยินสิ่งที่’ลั่วหมิง’พูด, ‘เนียหลี่’ก็ใจแรงขึ้น ตระกูลหวู่กุ้ยน่าจะเพิ่งแค่ค้นพบที่ตั้งของเมืองกลอรี่ หลังจากระดมพลครั้งใหญ่, พวกเขาต้องใช้เวลาอีกหลายสิบวันเป็นอย่างน้อย การเดินทางไปเมืองกลอรี่ที่’เนียหลี่’สามารถทำได้เร็วที่สุดนั้นน่าจะใช้เวลาประมาณ ๗-๘ วันหรือมากกว่านั้น

ส่วนตระกูลหวู่กุ้ยน่าจะต้องใช้เวลาเป็นเดือนถึงจะไปถึงเมืองกลอรี่ได้ ยิ่งกว่านั้น, ตระกูลหวู่กุ้ยไม่น่าจะกล้าลงมือทำการอันใดง่ายๆ ทั้งหมดก็เพราะพวกเขายังไม่รู้จักและเข้าใจเมืองกลอรี่จริงๆ ดังนั้นพวกเขาจึงน่าจะแค่เคลื่อนพลมาเพื่อสืบดูเกี่ยวกับเมืองกลอรี่เท่านั้น

ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม, เขาจะต้องรีบกลับไปให้เร็วที่สุดก่อนทำการอื่นๆอันใด

‘เนียหลี่’เรียกลั่วหมิงและคนอื่นๆอีกสองคน ให้มุ่งหน้าไปยังเมืองกลอรี่ด้วยอัตราความเร็วการเดินทางสูงสุด
เมื่อ’ลั่วหมิง’และคนอื่นๆอีกสองคนค้นพบว่า’เนียหลี่’ผู้นี้มากจากเมืองกลอรี่ ก็ช่วยไม่ได้เลยที่พวกเขาจะอึ้งตะลึงงัน

พวกเขาไม่เคยคิดเลยว่ามันจะมีเมืองของมนุษย์ที่ยังไม่ถูกทำลายอยู่ที่โลกภายนอก เรื่องนี้มันไม่ง่ายเลยที่จะเชื่อถือได้ หลังจากที่บรรพบุรุษของพวกเขาหลบหนีมายังโลกนรกานต์, พวกเขาก็ไม่เคยย้อนกลับออกไป ในมุมมองของพวกเขา, มันไม่น่ามีซักพื้นที่ที่มนุษย์จะยังอาศัยอยู่ได้ ณ โลกภายนอก

“ถ้าท่านหัวหน้าตระกูลได้ยินข่าวนี้คงตกตำลึง เอ้ย…ตะลึง เป็นแน่, ท่านหัวหน้าคงตื่นเต้นเอามากๆ ในที่สุดพวกเราก็สามารถกลับออกไปสู่โลกภายนอกได้เสียที”

ตาของ’ลั่วหมิง’เต็มไปด้วยน้ำตาของความตื่นเต้นรวมถึงมือแสดงอาการสั่นออกมา

‘เนียหลี่’ส่ายหน้าและกล่าวขึ้น

“แม้ว่าเมืองกลอรี่จะยังคงอยู่ได้, แต่ก็อาจถูกลบหายทำลายทิ้งโดยฝูงกองทัพสัตว์อสูรเอาเวลาไหนก็ได้ และยิ่งนี่มีกองกำลังจากโลกนรกานต์กำลังหมายตาดังเสือจ้องเหยื่อ อีกไม่นานเมืองกลอรี่อาจจะไม่มีอีกต่อไปก็เป็นได้”

เหตุผลที่’เนียหลี่’ไม่บอก’ลั่วเซียว’ในเรื่องนี้เพราะเขาต้องการให้’ลั่วเซียว’รู้เรื่องนี้ภายหลังตอนเมื่อเขากลับมายังเมืองศิลาดำอีกครั้ง เมื่อถึงตอนนั้นพละกำลังของเขาคงแข็งแกร่งขึ้นแตกต่างไปด้วยอำนาจของพลังสัจธรรมทั้งสอง (แสงและความมืด) ร่วมด้วยถึงการเพาะบ่มพลังของเขา[พลังเทพวิถีฟ้า], คำพูดของเขาคงมีน้ำหนักน่าเชื่อฟังน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น

แต่ตอนนี้, ท่าทีที่ตระกูลหวู่กุ้ยแสดงออกมานั้นทำให้’เนียหลี่’รู้สึกกดดันอย่างมหาศาล ทั้งหมดก็เพราะพวกเขาเหล่านั้นมีขุมกำลังที่ยิ่งใหญ่อย่างยอดฝีมือระดับเซียนอยู่ถึงสามคน

ทันใดนั้น, ‘เนียหลี่’รู้สึกได้ถึงรังสีพลังวิญญาณที่แข็งแกร่ง ดวงตาของเขาเคลื่อนไปด้านข้างและมองด้วยแววตาเยือกเย็นผ่านไปในความมืดและเปล่งเสียงขึ้น

“ใครอยู่ตรงนั้น!!”

‘ลั่วหมิง’มองมาที่’เนียหลี่’ด้วยความประหลาดใจแล้วมองผ่านทะลุเข้าไปในความมืดในทิศทางที่’เนียหลี่’จ้องดูอยู่ การระวังภัยของเขาเพิ่มขึ้นมาทันที, แต่ถึงแม้ว่าพวกเขาจะทั้งหมดเป็นยอดฝีมือระดับตำนาน พวกเขาก็หาได้สัมผัสถึงสิ่งใดได้ไม่ นี่’เนียหลี่’ระวังตัวมากไปหรือเปล่า?

จากนั้นสักครู่, เงาคนร่างหนึ่งก็ค่อยๆเดินออกมาจากความมืด

อีกฝ่ายนึงเป็นมนุษย์, ชายแก่ผมขาวหนวดขาว ผู้แผ่ถ่ายทอดรังสีออกมาให้คนโดยรอบรู้สึกได้ว่าเขานั้นมีฝีมือไม่ธรรมดา อีกทั้งยังให้ความรู้สึกจางๆถึงความมีเกียรติในตัวและเป็นคนที่น่าเกรงขามทุกคนต้องยำเกรง เมื่อเขาผู้นี้ปรากฏตัวขึ้นรัศมีพลังวิญญาณของเขาปกนั้นก็คลุมไปทั่วบริเวณ พลังวิญญาณอันเยือกเย็นที่แผ่ออกมาจากตัวเขาทำให้ทุกคนรู้สึกขนลุก

‘ลั่วหมิง’และคนอื่นๆตะลึงงันสุดขั้วหัวใจ ชายชราคนนี้สามารถเข้ามาใกล้ในระยะไม่กี่ร้อยเมตรได้โดยพวกเขาไม่สามารถสัมผัสหรือรู้ตัวได้ ความแข็งแกร่งของชายชราคนนี้ต้องไม่ธรรมดาเป็นแน่ซึ่งมันทำให้พวกเขาต้องระมัดระวังตัวอย่างยิ่ง คนชราฝ่ายตรงข้ามคนนี้คงจะไม่ใช่ยอดฝีมือระดับเซียนใช่ไหม? พวกเขาตั้งคำถามในใจด้วยความประหวั่น

“ท่านเป็นใครหรือขอรับ เหตุใดท่านจึงตามพวกข้ามา?”

‘ลั่วหมิง’จ้องมองอย่างเยือกเย็นไปที่คนฝ่ายตรงกันข้าม เขาสามารถรู้สึกได้ว่าหากอีกฝ่ายตัดสินใจที่จะลงมือ มันคงจะเป็นการปะทะที่แสนดุเดือดแน่นอน

เมื่อได้มองรูปพรรณสัญฐานอีกฝ่ายนึงชัดๆ ‘เนียหลี่’ก็พูดอย่างตกตะลึง

“ท่านปู่เอียมัว, เหตุใดท่านถึงมาอยู่ที่นี่กัน?”

ได้ยินถ้อยคำของ’เนียหลี่’, ร่างกายของชายแก่ก็ชะงักแล้วถามกลับไปด้วยความงงงวย

“นี่เจ้ารู้ได้ยังไงว่าข้าคือเอียมัว? นี่เจ้าเป็นใคร?”

“ข้าเป็นหลานเขยของท่าน”

‘เนียหลี่’ยิ้มแป้น

ได้ยินคำพูดของ’เนียหลี่’, หน้าผากเอียมัวก็ผุดรอยเส้นดำๆแผ่รังสีทะมึงทึงออกมา(จินตนาการถึงภาพในการตูนอ่ะ) ไอ้หลานเขยคนนี้ของเขามาจากไหนกันฟะ? แม้ว่าเขาจะมีหลานสาว, ‘จือหวิ่น’,จะเรียกว่าเข้าสู่วัยแต่งงานได้แล้ว แต่’เอียเซิง’หมายหมั้น’จือหวิ๋น’กับใครโดยที่เขาไม่รู้มาก่อนได้ยังไง? นี่ยังไม่พูดถึงที่’เอียมัว’ยังไม่รู้อีกด้วยว่าเจ้าเด็กคนนี้มาจากตระกูลไหน

“ไว้ค่อยพูดถึงเรื่องนี้กันหลังจากพวกเรากลับไปถึงเมืองกลอรี่แล้วละกันนะครับ”

‘เนียหลี่’หัวเราะ เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าเขาจะได้เผชิญหน้าพบกับ’เอียมัว’ที่นี่ มันดูเหมือนว่า’เอียมัว’ค้นพบโลกนรกานต์นี้มานานแล้ว

ด้วยการสัมผัสถึงพลังวิญญาณวายุเหมันต์ที่แผ่ออกมาจากตัว’เอียมัว’ เขาคงบรรลุไปถึงระดับพลังขั้นสูงมากไปแล้ว แม้ว่าเขาจะยังไม่บรรลุถึงขั้นเซียน แต่ก็คงอีกไม่ไกลนักจากระดับนั้นนัก นอกจากนี้มันยังมีรังสีแปลกประหลาดสองสายที่แผ่ออกมาจากตัว’เอียมัว’ด้วย

ทีนี่ก็ไม่น่าแปลกใจแล้วล่ะว่าทำไมสมาคมทมิฬที่เลี้ยงบ่มเมืองกลอรี่เอาไว้ทรัพย์สินในกระเป๋าถึงไม่ยอมโจมตีเมืองกลอรี่เสียทีจนถึงทุกวันนี้ คงเพราะความแข็งแกร่งของจอมมารนั้นยังคงไม่แข็งแกร่งไปกว่าท่านปู่’เอียมัว’สักเท่าไหร่ คงเป็นเช่นนี้แน่…!

ในชีวิตก่อนของเขานั้น, ปู่’เอียมัว’ได้ถูกวางแผนต่อต้านทำมิดีมิร้าย จึงเป็นเหตุทำให้เมืองกลอรี่นั้นล่มสลายลงสู่เงื้อมมือของศัตรู มิเพราะเหตุที่กล่าวมา, แค่ลำพังเพียงฝูงสัตว์อสูรร้อยล้านตัวนั้น คงไม่สามารถทำลายเมืองกลอรี่ลงได้อย่างราบคาบแบบสุดแสนจะง่ายดายอย่างที่เคยเป็นมาในภพก่อนของ’เนียหลี่’

แม้ว่า’เอียมัว’จะยังคงสงสัยถึงตัวตนความเป็นมาของ’เนียหลี่’, อย่างน้อยเขาก็ยืนยันได้ว่า’เนียหลี่’คนนี้นั้นมาจากเมืองกลอรี่แน่ๆ มิฉะนั้นเจ้า’เนียหลี่’คนนี้คงไม่อาจรู้ได้ว่าเขานั้นมีหลานสาวได้

‘เอียมัว’สาดสายตามองไปยังคนทั้งสามที่ยืนอยู่เบื้องหลัง’เนียหลี่’ ก็สัมผัสได้ว่าบุคคลทั้งสามล้วนแค่เป็นยอดฝีมือระดับตำนานทั้งสิ้น แม้ว่าการเพาะบ่มพลังของพวกเขาจะขาดแคลนบกพร่องเมื่อเทียบกับตัวเขา แต่พวกเขาเหล่านั้นก็ยังคงดูมีฝีมือพอใช้ได้เลยทีเดียว

เมื่อรู้สึกได้ถึงสายตาของ’เอียมัว’ที่มองมา, ‘เนียหลี่’ก็ยิ้ม

“ทั้งสามคนนี้เป็นยอดฝีมือจากตระกูลตราหยก พวกเขาทั้งสามเดินทางติดตามมาเพื่อคอยคุ้มกันข้า เพราะตัวข้าได้สร้างการร่วมมือกันกับตระกูลตราหยกน่ะขอรับ”

ได้ยินคำพูดของ’เนียหลี่’, ลึกเข้าไปภายในตาของ’เอียมัว’ก็ฉายแววความตกตะลึงออกมา ในบรรดาขุมกำลังทั้ง ๑๕ เมือง ตระกูลตราหยกนั้นถุกระบุได้ว่าเป็นตระกูลที่ซื่อตรงมีคุณธรรมตระกูลนึงทีเดียว แต่กระนั้นตระกูลตราหยกนั้นถูกจัดอยู่ในอันดับสามของเมืองศิลาดำ เพราะเหตุนี้พวกอาจไม่เห็น’เอียมัว’อยู่ในสายตาด้วยซ้ำ

แต่’เนียหลี่’กลับกล่าวว่าเขาสร้างความร่วมมือกับตระกูลตราหยกงั้นหรือ? ‘เอียมัว’รู้สึกสงสัยในใจยิ่ง เพราะด้วยการสัมผัสถึงพลังวิญญาณที่แผ่ออกมาจากร่าง’เนียหลี่’ ความแข็งแกร่งของเขานั้นน่าจะบรรลุถึงแค่ขั้นระดับโกลด์เพียงเท่านั้น อายุสิบสี่ปีแต่สามารถเพาะบ่มพลังได้ถึงขั้นนี้ ตัว’เอียมัว’เองนั้นก็ไม่สามารถระบุได้เลยว่าตระกูลใดหนอที่ผลิตอัจฉริยะแบบเด็กคนนี้ออกมาได้

“ข้าขออภัยที่คุกคามพวกท่านก่อนหน้านี้”

‘เอียมัว’ลดรังสีพลังวิญญาณลงแล้วจึงก้มศีรษะให้’ลั่วหมิง’และคนอื่นๆแสดงเจตนา ท่าทีเขาดูสุภาพยิ่งและดูเป็นมิตร

“ในเมื่อท่านเป็นผู้อาวุโสของนายน้อยเนียหลี่, ท่านก็ไม่จำเป็นต้องสุภาพอันใดหรอก”

‘ลั่วหมิง’และคนอื่นรีบประสานมือพวกเขาขึ้นตอบรับแสดงความยกย่อง

‘เอียมัว’รู้สึกสงสัยเล็กๆ ทำไมกันนะยอดฝีมือระดับตำนานทั้งสามถึงดูอ่อนน้อมเชื่อฟังและเคารพให้เกียรติ’เนียหลี่’ถึงเพียงนี้ ความสัมพันธ์อันใดกันหนอที่พวกเขามีกับ’เนียหลี่’ ‘เนียหลี่’ทำการสร้างความสัมพันธ์และสร้างความร่วมมือให้สำเร็จได้อย่างไรกัน?

 

ขออภัยที่ส่งงานช้านะครับ หวังว่าคนอ่านที่ตั้งตารอกันมาทั้งวันจะให้อภัยนักแปลตาดำๆคนนี้นะ @”

แปลโดย: IDeaPaeTonG นะแจ๊ะ… (ความคิดน้อยๆของปลาทอง)

จบตอน

ที่มา : 

ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments