I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Tales of Demons & Gods (妖神记) ตอนที่ 209 พ่อกับลูก

| Tales of Demons & Gods (妖神记) | 23073 | 2528 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

เมืองกลอรี่ ณ คฤหาสน์เจ้าเมือง

ทหารยามได้วิ่งเข้ามาโค้งคำนับพลางกล่าวว่า

“ท่านเจ้าเมืองข้าพเจ้าได้รับจดหมายจากบุคคลลึกลับระบุว่าส่งถึงท่านเท่านั้นขอรับ”

‘เอียเซิ่ง’เปิดจดหมายหลังจากตรวจสอบด้วยพลังจิตวิญญาณของเขา เมื่อไม่พบสิ่งผิดปรติเขาก็เปิดจดหมายออกดู ด้วยลายมือที่ชัดเจนต่างจากที่เขาคาดการณ์ไว้ในตอนแรก แววตาของเขาได้เปล่งประกายเย็นเยียบออกมาเพราะว่าลายมือที่เขียนเป็นของ’เอียฮั่น’

“ท่านพ่อผู้เป็นเจ้าเมือง วันนั้นเมื่อข้าได้ออกจากเมืองกลอรี่ไป ข้าได้ขบคิดมากมายเกี่ยวกับเรื่องราวที่ผ่านมาและเรื่องราวในอนาคตจนไม่สามารถนอนหลับได้ในคืนนี้ ในความเป็นจริงเมื่อข้าได้มองกลับไปยังเมืองกลอรี่ข้าก็ทราบได้ในทันทีว่ามันเป็นไปไม่ได้สำหรับข้าที่จะได้รับตำแหน่งเจ้าเมืองอีกต่อไป ในช่วงเวลาของการฝึกฝน เพื่อที่จะปกป้องข้า ท่านอาจารย์ได้เสียชีวิตลง ท่านเป็นหนึ่งในผู้อาวุโสของตระกูลวายุเหมันต์ที่คอยสนับสนุนข้า นอกจากการสนับสนุนจากท่าน แต่มันก็ไร้ประโยชน์แม้ว่าท่านจะต้องการให้ข้ารับสืบทอดตำแน่งเจ้าเมือง อย่างไรก็ตามข้าไม่ได้เต็มใจที่จะสละซึ่งการสืบทอดตำแหน่งนั้น! แม้ว่าท่านพ่อจะเลี้ยงดูข้ามาเป็นอย่างดีแต่ข้าก็ไม่มีทางเลือกอื่น เพื่อที่จะได้แต่งงานกับเอียจื่ออวิ้น ข้าไม่ลังเลแม้แต่น้อยที่จะทำสิ่งใดก็ตามถึงแม้ว่ามันจะหมายถึงการทำลายเมืองกลอรี่ นับจากช่วงเวลาที่ท่านได้พาข้าไปยังคฤหาสน์ของเจ้าเมืองในครั้งแรกที่ข้าได้พบเธอข้าก็ได้ตัดสินใจแล้วว่าในชีวิตนี้ข้าจะต้องได้เธอเป็นภรรยาของข้า”

“ถึงแม้ข้าจะล้มเหลวในการสังหารท่าน หลังจากที่ข้าเดินทางถึงสมาคมทมิฬข้าก็ได้พบกับโลกใหม่อาณาจักรใต้พิภพ แต่ปรากฏว่าสิ่งที่ทรงพลังที่นี่ไม่ใช่สมาคมทมิฬ หัวหน้าสมาคมสมาคมทมิฬยังไม่น่ากลัวสักเท่าไรนัก สถานที่นี้มีตระกูลที่มีผู้ฝึกตนอยู่ในระดับขั้นเซียน (เดมิก๊อด)”

“ท่านพ่อบุญธรรมท่านรู้หรือไม่ว่าระดับเซียน (เดมิก๊อด)นั้นคืออะไร? พวกเขาเหล่านั้นเป็นผู้ฝึกฝนจนถึงจุดสุดยอดที่จะเข้าใจถึงพลังแห่งสัจธรรม ขั้นต่อมาก็คือรับรู้ถึงการมีอยู่ของจิตวิญญาณแห่งเทพ”

“ส่วนตัวข้าได้ถูกวางไว้ในตำแหน่งสำคัญจากตระกูลหวู่กุ้ย ตระกูลหวู่กุ้ยยังได้แสดงออกถึงความสนใจต่อเมืองกลอรี่อีกด้วย ทำไมท่านพ่อไม่ส่งมอบไปล่ะ?เวลานั้นท่านพ่อบุญธรรมก็จะได้ก้าวขึ้นสู่ระดับเซียน (เดมิก๊อด)! ถ้าท่านไม่ตกลง เมื่อนั้นตระกูลหวู่กุ้ยก็จะถล่มเมืองกลอรี่ และจะทำให้ทุกอย่างกลายเป็นความว่างเปล่า ข้าหวังว่าท่านพ่อบุญธรรมพิจารณาอย่างรอบคอบ”

เมื่ออ่านจดหมายจบ เส้นเลือดดำบนแขน’เอียเซิ่ง’ปูดโปนขึ้นและดวงตาของเขากลายเป็นสีแดงประดุจเลือด

หลังจากการถูกหักหลังโดยคนที่เขาไว้ใจที่สุดมันก็ยากที่จะทานทนประดุจสิ่งที่ค้างอยู่ในอก ความรู้สึกมันเหมือนกับมีดที่กรีดลงมาที่หัวใจของเขา นอกเหนือจากนั้นเมือเขามองไปยัง’เอียฮั่น’เมื่อครั้งเป็นเด็กของเขา เขาไม่นึกเลยว่า’เอียฮั่น’นั้นจะเลือดเย็นได้ถึงเพียงนี้ ด้วยสติปัญญาของ’เอียเซิ่ง’เขาคิดว่าตระกูลหวู่กุ้ยอาจจะถูกล่อลวงโดย’เอียฮั่น’เช่นกัน

‘เอียฮั่น’นั้นเป็นอันตรายยิ่งกว่าสมาคมทมิฬที่จะยึดครองเมืองกลอรี่สำหรับตัวเองเสียอีก!

เมื่อคิดว่าเมืองกลอรี่เร็วๆนี้อาจจะต้องเผชิญกับอันตราย’เอียเซิ่ง’ก็รู้สึกราวกับว่ามันถูกเฉือนด้วยมีดอีกครั้ง เพราะว่าที่มาของปัญหาเหล่านี้เป็นเพราะตัวเองไม่สามารถมองเห็นตัวตนที่แท้จริงของ’เอียฮั่น’ เขาเพียงคิดว่า’เอียฮั่น’นั้นเจ้าอุบาย แต่เขาก็ไม่เคยคิดว่า’เอียฮั่น’จะทรยศหักหลังเมืองกลอรี่เช่นนี้

‘เอียเซิ่ง’ได้ตระหนักว่าหลังจากที่’เนี่ยหลี’ไม่อยู่เขาก็ไม่มีใครให้ปรึกษาถึงกลยุทธ์ด้วย เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่า’เนี้ยหลี่’หายตัวไปที่ใด เมื่อครั้งที่’เนี้ยหลี่’ยังอยู่รอบๆ ‘เอียเซิ่ง’ปราถนาที่จะกำราบเขา อย่างไรก็ตามเมื่อไม่มี’เนี่ยหลี’แล้วเขาก็อดไม่ได้ที่คิดถึงเขานิดหน่อย

ด้วยตำแหน่งเจ้าเมืองถึงแม้รอบกายของเขาจะมีคนสนิทอยู่บ้าง เช่น’เอียซิ่ว’และคนอื่นๆ แต่การแสดงความเคราพต่อหน้ามันแสดงให้เห็นถึงช่องว่างเล็กๆระหว่างเขากับพวกเขา ส่วน’เนี่ยเหลี่’นั้นเป็นเพียงคนเดียวที่ไม่เคยเห็นตำแหน่งเจ้าเมืองของเขาอยู่ในสายตา แม้ว่า’เนี่ยหลี’มักจะมาวนเวียนก่อกวนอยู่ใกล้ๆเขาเสมอ มันก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเขารู้สึกใกล้ชิด

“เอียเซิ่ง!”

เสียงตะโกนลึกลับทรงอำนาจดังขึ้น

เมื่อได้ยินเสียงที่ทรงอำนาจนี้’เอียเซิ่ง’เงยหน้าขึ้นเขาเห็นชายคนหนึ่งอยู่ตรงประตูหลักของห้องโถงใหญ่ดวงตาของเขาก็สว่างวาบขึ้นทันที ถึงแม้ว่าเขาจะชราภาพลงไปมากก็ตามแต่ทว่าร่างกายเขายังคงสง่างามดุจเดิม ‘เอียเซิ่ง’ลุกขึ้นตรงไปหาเขาอย่างเป็นสุข

“ท่านพ่อ ท่านกลับมาแล้ว?”

‘เอียเซิ่ง’ก้มตัวโค้งคำนับอย่างสุภาพ เมื่อเขาเห็นสายตาที่’เอียมัว’มองมาทำให้เขาอับจนปัญญาและเสียวสันหลังอยู่บ้าง

“อืม ข้ากลับมาพร้อมกับหลานเขยน่ะ”

‘เอียมัว’พยักหน้า

หลานเขย? หลานเขยคนไหน? ‘เอียเซิ่ง’เผยสีหน้าประหลาดใจบนใบหน้าของเขา ในตอนนั้นเองเด็กหนุ่มก็เดินยิ้มๆออกมาจากทางด้านหลังของ’เอียมัว’จากนั้นก็กล่าวกับ’เอียเซิ่ง’ว่า

“ท่านพ่อตาไม่ได้พบกันเสียนานเลยนะขอรับ อิอิ”

‘เนี้ยหลี่’ยืดเอวของเขาขึ้นเพราะว่าอากาศในเมืองกลอรี่ดีกว่ามากเมื่อเทียบกับนครใต้พิภพมันทำให้เขารู้สึกสดชื่นเป็นอย่างมาก

เมื่อเห็น’เนี้ยหลี่’ ‘เอียเซิ่ง’สีหน้าดำคล้ำลงกระทันหันและกล่าวเสียงเครียดว่า

“เจ้าเด็กเน่าเหม็นนี่ เจ้าเป่าหูอะไรท่านพ่อของข้าไปบ้าง?”

แม้ว่าการแสดงออกของ’เอียเซิ่ง’จะดูน่ากลัวสำหรับบุคคลอื่น แต่มันล้วนไร้ประโยชน์กับ’เนี้ยหลี่’ ที่’เนี้ยหลี่’ทำก็เพียงแค่ยักไหล่แล้วกล่าวว่า

” ข้าก็แค่บอกท่านทุกอย่างเท่านั้นเอง”

‘เอียเซิ่ง’เกือบจะจินตนาการได้ถึงฉากที่’เนี้ยหลี่’พูดคุยกับ’เอียมัว’ระหว่างเดินทาง ใครจะรู้กันเล่าว่า’เนี้ยหลี่’จะเป่าหูอะไรเอียมัวบ้าง? สีหน้าของ’เอียเซิ่ง’ยิ่งเข้มขึ้นทุกทีทุกที และขณะจะดุว่า’เนี้ยหลี่’ ‘เอียมัว’ก็พูดขึ้นด้วยเสียงอันศักดิ์สิทธิ์ว่า

“เอียเซิ่งการที่จะประสบความสำเร็จได้นั้นครอบครัวจะต้องสงบเรียบร้อย แต่สีหน้าท่าทางที่เจ้าแสดงออกของเจ้านั้นขณะที่อยู่ต่อหน้าคนในครอบครัวตลอดมามันคืออะไร?”

ด้วยการแสดงท่าทีของ’เอียมัว’ทำให้หัวใจของ’เอียเซิ่ง’ตื่นตระหนกขึ้นมาทันที หลังจากทั้งหมดคนที่’เอียเซิ่ง’หวาดกลัวที่สุดมานับตั้งแต่เขายังเล็กก็คือ’เอียมัว’ ผู้ที่เป็นถึงร่างทรงอสูรระดับตำนานความกลัวนั้นลึกล้ำลงไปถึงกระดูกจนไม่อาจกำจัดออกไปได้โดยง่าย

“ขอรับ ท่านพ่อ”

‘เอียเซิ่ง’ไม่กล้าแม้จะโต้แย้งกับ’เอียมัว’และตอบกลับทันทีขณะที่ยืนอย่างเรียบร้อยอยู่ด้านข้าง

‘เนี้ยหลี่’ค้นพบว่าในโลกใบนี้นั้นยังมีอีกคนหนึ่งซึ่งแม้แต่’เอียเซิ่ง’ที่เป็นเจ้าเมืองก็ยังหวาดกลัวก็คือ’เอียมัว’! ครั้งหน้าเมื่อเขาปะทะกับ’เอียเซิ่ง’เขาก็จะมีผู้หนุนหลังแล้ว

เมื่อเห็นลักษณะ’เอียเซิ่ง’ที่หวาดกลัวตัวสั่น’เอียมัว’ก็กระแอมไอหนึ่งครั้ง กล่าวว่า

“ข้าพอใจในตัวหลานเขยที่เจ้าได้เลือก เขามีความสามารถที่พิเศษและความรอบรู้กว้างขวาง ถึงแม้ว่าตระกูลบันทึกสวรรค์จะเป็นเพียงตระกูลเล็กๆ เมื่อเทียบกับชนชั้นสูง ตระกูลวายุเหมันต์ของข้านั้นไม่ควรดูถูกเขา เช่นเดียวกับมุมมองของคนเบาปัญญา นอกจากนี้หลานเขยยังได้สอนข้าถึงวิธีที่จะเข้าใจในพลังแห่งสัจธรรม”

‘เอียมัว’เหลือบมองไปยัง’เนี้ยหลี่’ด้วยความรู้สึกที่เต็มไปด้วยความชื่นชมต่อเขา

‘เอียเซิ่ง’เปิดปากของเขาราวกับต้องการที่จะพูดอะไรบางอย่าง แต่เขาก็ทำได้เพียงผงกศีรษะในตอนท้ายแล้วก็กล่าวได้เพียงแค่ว่า

“ขอรับ”

เขาไม่รู้ว่า’เนี้ยหลี่’ใช้ยาเสน่ห์อะไรกับ’เอียมัว’ เขาคิดอย่างหนักหน่วงเกี่ยวกับ’เนี้ยหลี่’ ในเมื่อเป็นกรณีแบบนี้มันก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้แล้ว

‘เอียเซิ่ง’นั้นไม่รู้ว่าอะไรคือสิ่งที่เกี่ยวกับพลังแห่งสัจธรรม อย่างไรก็ตาม’เอียเซิ่ง’อยากรู้วิธีที่’เนี่ยหลี’สอนแก่’เอียมัว’เกี่ยวกับพลังแห่งสัจธรรม บางทีมันอาจจะเป็นได้ว่า’เนี้ยหลี่’ได้เริ่มฝึกฝนพลังแห่งสัจธรรมมาตั้งแต่เขายังเล็ก? เมื่อคิดเช่นนี้เรื่องทั้งหมดมันก็จะลงตัว เพราะเมื่อเขาได้รับการฝึกฝนเกี่ยวกับพลังแห่งสัจธรรมที่ว่านั้น’เนี้ยหลี่’จึงสามารถแข็งแกร่งขึ้นอย่างรวดเร็ว?

แต่สิ่งที่’เอียเซิ่ง’ไม่ทราบก็คือความแข็งแกร่งของ’เนี้ยหลี่’นั้นไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับพลังแห่งสัจธรรมเลยแม้แต่น้อย

‘เอียมัว’มองไปยัง’เอียเซิ่ง’ด้วยสายตาเย็นชากล่าวว่า

“ข้ายังไม่หมดเรื่องกับเจ้าหรอกนะ ในตอนที่เจ้ายังเป็นเด็ก แม้ว่าเจ้าจะมีความสามารถที่พิเศษ แต่เจ้ายังคงอ่อนหัดในการตัดสินสิ่งต่างๆ ในเรื่องปัญหาของเจ้าในการมองผู้คน เกี่ยวกับเรื่องของเอียฮั่นเจ้ามองไม่เห็นแม้กระทั่งนิสัยอันแท้จริงของมัน เจ้ารู้ความผิดหรือไม่?”

“ข้าทราบความผิดแล้วขอรับ”

‘เอียเซิ่ง’รู้สึกว่าใบหน้าของเขากำลังถูกเผาไหม้ แม้ว่าเขาจะเป็นถึงเจ้าเมืองแต่การที่เขาถูกสั่งสอนต่อหน้าของ’เนี้ยหลี่’นั้น หลังจากนี้ศักดิ์ศรีของเขาจะยังคงหลงเหลืออยู่อีกหรือ?

“ข้าไม่ได้พึงพอใจในตัวเอียฮั่นเลยแต่เจ้ายังจะผลักดันมันขึ้นเป็นเจ้าเมืองอีก ดู ดู สิ่งที่เจ้าทำลงไปสิ?โชคยังดีที่มันยังไม่ได้เป็นเจ้าเมือง ถ้าคนๆนั้นได้เป็นเจ้าเมืองขึ้นมาเจ้าลองคิดดูว่ามันจะจบลงเช่นไร?”

‘เอียมัว’ส่งเสียงอย่างเย็นชา

“และตอนนี้เอียฮั่นยังบอกตระกูลหวู่กุ้ยเกี่ยวกับเมืองกลอรี่เรา ถ้ามันเป็นเพียงแค่ตระกูลหวู่กุ้ยข้าก็ยังคงสามารถจัดการกับพวกมันได้ อย่างไรก็ตามถ้าตระกูลอื่นๆในดินแดนใต้พิภพตัดสินใจมากันทั้งหมดล่ะก็? เราจะขับไล่พวกมันออกไปอย่างไร?”

ด้วยการแสดงความโกรธเกรี้ยวของ’เอียมัว’ ‘เอียเซิ่ง’ไม่กล้าแม้แต่จะโต้แย้ง

“เจ้าสมควรจะมีเด็กดีเช่นเนี้ยหลี่ เขากระทำอย่างเต็มที่เพื่อเมืองกลอรี่เรา แต่กับท่าทางของเจ้าที่ดูขุ่นเคืองนั้น จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเจ้าข่มขู่แม้กระทั่งเด็ก? และการเจ้ายังคงปฏิบัติต่อเจ้าคนทรยศเอียฮั่นด้วยความเชื่อใจ นั้นมันไร้สาระสิ้นดี!”

‘เอียมัว’สั่งสอนอย่างเดือดดาลรุนแรงเพิ่มขึ้นเพิ่มขึ้นทุกขณะที่เขาพูด

‘เอียเซิ่ง’รู้สึกถึงความตกต่ำในจิตใจ แม้ว่าเขาจะโหดร้ายนิดหน่อย สำหรับ’เนี้ยหลี่’เขาก็ไม่ได้กระทำสิ่งใดให้’เนี้ยหลี่’หวาดกลัว ถ้าหากเขายังไม่ปีนขึ้นไปบนศีรษะเขา เขาควรจะต้องขอบคุณพระเจ้า

นอกจากนี้เขายังเคยถูก’เนี้ยหลี่’หลอกมาหลายครั้งและหัวใจเขาเต็มไปด้วยความไม่พอใจ อย่างไรก็ตาม เขาก็ยังไม่กล้าที่จะหักหน้าบิดาของเขา

“ท่านปู่เอียมัวอย่าพึ่งโมโหไป ด้วยท่าทางของเจ้าเมืองเป็นแบบนี้เสมอ ข้าเคยชินกับมันเสียแล้วล่ะ”

‘เนี้ยหลี่’กล่าว ไปพร้อมกับพยายามเกลี้ยกล่อม’เอียมัว’ ขณะที่ทำเช่นนั้นก็ไม่ได้สังเกตุสายตาของ’เอียเซิ่ง’ที่เบิ่งตากว้างจ้องมองมาที่เขา

“เจ้าดู อย่างนี้สิเขาช่างเป็นเด็กอายุ 13 -14 ที่อยู่ในโอวาทนัก ยิ่งกว่านั้นยังเฉลียวฉลาดกว่าเจ้าเสียอีก!”

‘เอียมัว’พูดออกมาอย่างรุนแรง

“กลับไปและตรึกตรองดูซะ! สำหรับเรื่องการแต่งงานระหว่างเนี้ยหลี่กับจืออวิ้น มันจะเป็นไปตามนี้ เราจะรอให้ผ่านเรื่องของตระกูลหวู่กุ้ยไปเสียก่อนจากนั้นข้าค่อยไปเยี่ยมเยียนตระกูลบันทึกสวรรค์เพื่อหารือเกี่ยวกับวันแต่งงาน”

‘เอียเซิ่ง’รู้สึกข่มขื่นในจิตใจและกล่าวอย่างรวดเร็วว่า

“มันจะไม่เหมาะสมนะขอรับ สำหรับตระกูลวายุเหมันต์ของพวกเรา ที่จะเป็นฝ่ายไปเยี่ยมเยียนตระกูลบันทึกสวรรค์ก่อน? ทั้งนี้สมควรให้ตระกูลบันทึกสวรรค์เป็นฝ่ายมาเยี่ยมเยียนและสู่ขอการแต่งงาน มิเช่นนั้นสถานะของจืออวิ้นจะเป็นเช่นไร? นอกจากนี้จืออวิ้นเองก็ยังเด็กเกินไป?”

“เจ้าโง่เอ๊ย!”

‘เอียมัว’โบกชายแขนเสื้อพ่นลมหายใจอย่างเย็นชา

“ด้วยตระกูลจำนวนมากภายนอก มีหญิงสาวของตระกูลใดบ้างที่ไม่ได้แต่งงานในวัยหนุ่มสาว?เป็นเพราะเจ้ายังคงยึดเหนี่ยวเช่นเดียวกับเจ้าเด็กน้อย ฮูเหยียน เซียง งั้นรึ เจ้าต้องการที่จะทำให้จืออวิ้นกลายเป็นสาวแก่เช่นเดียวกับ ฮูเหยียน หลานเร่อ ที่จนป่านนี้ก็ไม่สามารถแต่งออกไปได้หรอกรึ?”

การแสดงออกของ’เอียเซิ่ง’ดูแปลกไปและเนี้ยหลี่ก็ได้อดกลั้นเสียงหัวเราะของเขา ช่างไม่แปลกใจเลยว่าทำไม ‘ฮูเหยียน หลานเร่อ’ มักจะมาตอแยเขา แต่กลับกลายเป็นว่าเพราะเธอไม่สามารถที่จะแต่งงานออกไป หาก’ฮูเหยียน หลานเร่อ’ รู้ว่า’เอียมัว’พูดอะไรออกไปบ้างล่ะก็ ปฏิกริยาของเธอจะเป็นเช่นไร?

ส่วนเรื่องที่’เอียจื่ออวิ้น’จะแต่งไม่ออกอย่างนั้นรึ? หาก’เอียเซิ่ง’กระจายข่าวออกไปล่ะก็ ไม่ทราบว่าจะมีซักกี่ตระกูลกันนะจะมายืนต่อคิวที่ด้านหน้าคฤหาสน์เจ้าเมือง?

“ขอรับ”

‘เอียเซิ่ง’ตอบรับอย่างสุภาพ เดิมทีเขาวางแผนไว้ว่าจะกระตุ้น’เนี้ยหลี่’เล็กๆน้อยๆเพื่อจะทำให้เขามีความพฤติกรรมที่ดีขึ้น แต่ท้ายที่สุดเมื่อบิดาเขากลับมาเขาก็ควรจะรู้แล้วว่าตนเองนั้นเป็นตกฝ่ายที่เสียเปรียบ ตั้งแต่ที่’เอียมัว’ได้ตกลงในการแต่งงานในครั้งนี้ ยังจะไม่เห็นด้วยกับมันได้หรือ?

‘เนี้ยหลี่’รีบกล่าวทันทีด้วยความจริงใจว่า

“ท่านปู่เอียมัวเกี่ยวกับเรื่องการสู่ขอแต่งงานมันเป็นธรรมดาแล้วที่จะต้องเริ่มจากตระกูลบันทึกสวรรค์ของข้า หลังจากเรื่องต่างๆจบลง ผู้นำตระกูลกับบิดาข้าจะเป็นฝ่ายมาเยี่ยมเยียนท่านด้วยตัวเอง”

เมื่อได้ยินคำพูดของ’เนี้ยหลี่’ ‘เอียมัว’ก็ยิ้มและพยักหน้าของเขากล่าวว่า

“ดี ดี ดี สำหรับของหมั้นหมาย ควรเป็นสิ่งใดล้วนแล้วแต่ คฤหาสน์เจ้าเมืองหาได้ขาดแคลนสิ่งใด!”

‘เอียมัว’กวาดสายตาไปที่’เอียเซิ่ง’ เมื่อบิดาอยู่เบื้องหน้าเขาแล้ว’เอียเซิ่ง’ล้วนไม่สามารถโต้แย้งอะไรได้อีก

“สำหรับเรื่องของตระกูลหวู่กุ้ย พวกเราจะหารือเกี่ยวกับวิธีรับมือพวกมันให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แต่ข้าจะไปดูจืออวิ้นก่อน”

หลังจากที่เห็น’เอียเซิ่ง’ทำความเคารพ’เอียมัว’ก็ไม่ได้สนใจเขาอีก ในที่สุดหลังจากที่กลับมาหลังจากที่เขาจากไปเป็นเวลานานเขาต้องการที่จะไปเยี่ยมหลานสาวที่รักของเขาเป็นอันดับแรกก่อนที่จะเริ่มต้นการเก็บตัวฝึกฝนของเขา

‘เอียเซิ่ง’มองไปยัง’เนี้ยหลี่’กล่าวว่า

“เนี้ยหลี่เจ้าอยู่ก่อน ข้ายังมีเรื่องที่จะสนทนากับเจ้า”

เมื่อมองเห็นประกายสายตาที่ครุกรุ่นของ’เอียเซิ่ง’ ‘เนี้ยหลี่’รู้สึกเสียววูบวาบในใจเขาเล็กน้อยก่อนจะกล่าวว่า

“ข้าเองก็พึ่งกลับมา บางทีข้าก็อยากไปเยี่ยมจืออวิ้นก่อนเป็นอันดับแรกเช่นกัน”

ส่วน’เอียมัว’ครุ่นคิดและกล่าวว่า

“เนี้ยหลี่เจ้าอยู่ด้านหลัง ถ้าเอียเซิ่งกล้าทำอะไรเจ้ามาบอกปู่เดี๋ยวข้าจะสั่งสอนเขาให้เอง”

จบตอน

ที่มา : 

ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments