I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Tales of Demons & Gods (妖神记) ตอนที่ 210 พี่สาวเทพธิดา

| Tales of Demons & Gods (妖神记) | 24377 | 2528 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

“ขอรับ”

‘เนี้ยหลี่’ผงกหัวของเขา เนื่องจากผุ้อาวุโส’เอียมัว’ได้กล่าวออกมา ดังนั้นเขาจึงจำเป็นต้องอยู่ที่นี่ ‘เอียมัว’ได้ทิ้งเขาไว้กับเอียเซิ่งแล้วออกไปจากสถานที่นี้

‘เอียเซิ่ง’แค่นเสียงหนึ่งครั้งกล่าวว่า

“เจ้าทำได้ดีนี่ ตอนนี้เจ้าก็มีคนหนุนหลังแล้ว ข้าคงไม่สามารถว่ากล่าวตักเตือนเจ้าได้อีกแล้ว สินะ?”

“ท่านพ่อตาย่อมมีสิทธิในการว่ากล่าวตักเตือนข้าอย่างแน่นอน”

‘เนี้ยหลี่’กล่าวขึ้นขณะที่เขาหัวเราะ ‘เอียเซิ่ง’นั้นสามารถทำให้คนอื่นตกใจกลัวได้ แต่มันไม่อาจใช้ได้กับเขา

หลังจากได้ฟังคำพูดกลั่วเสียงหัวเราะของ’เนี้ยหลี่’ ‘เอียเซิ่ง’ยิ่งรู้สึกย่ำแย่กว่าเดิม มันเป็นความจริงที่ว่าเขาไม่สามารถทำอะไรกับ’เนี้ยหลี่’ได้ ดังนั้นเขากล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า

“ในเมื่อเรื่องนี้ผ่านความเห็นชอบแล้ว ดังนั้นเจ้าต้องจัดการให้ตระกูลบันทึกสวรรค์ทำการจัดส่งของหมั้นมา เจ้าจะต้องหมั้นไว้ก่อน แต่การแต่งงานจะถูกจัดขึ้นเมื่อพวกเจ้าอายุสิบหก ถ้าหากก่อนหน้านั้นเจ้าทำเรื่องไม่สมควรล่ะก็ข้าจะเป็นคนจัดการเจ้าด้วยตัวเอง”

เนื่องจากบิดาของเขาได้ตกลงไปแล้ว ดังนั้น’เอียเซิ่ง’จึงได้อนุญาติในเรื่องการแต่งงาน แต่ทว่าเขาก็ได้หาทางขัดขวาง’เนี้ยหลี่’ในทางอื่นแทน

“ข้าทราบแล้ว”

ถึงแม้’เอียเซิ่’งจะไม่ได้พูดก็ตาม แต่’เนี้ยหลี่’ก็ตั้งใจไว้ในทำนองนั้นอยู่แล้ว

‘เอียเซิ่ง’รู้สึกหมดหนทาง เขารู้ว่าการข่มขู่ของเขาไร้ประโยชน์ต่อ’เนี้ยหลี่’ แต่ไม่ว่าอย่างไราเขาก็ควรพูดคำพูดพวกนั้นออกไป

“ท่านพ่อตาสามารถพักผ่อนได้อย่างสบายใจ”

‘เนี้ยหลี่’ยิ้มจากนั้นก็กล่าวกับ’เอียเซิ่ง’ว่า

“ใช่แล้วเมื่อเร็วๆนี้ข้าได้คิดออกถึงเคล็ดลับบางอย่างเกี่ยวกับพลังแห่งสัจธรรมในตอนนี้เนื่องจากท่านพ่อตาได้เข้าสู่ระดับตำนานแล้ว ท่านสามารถเริ่มทำการศึกษาทำความเข้าใจพลังแห่งสัจธรรมได้”

‘เนี้ยหลี่’ได้ทำการโจมตีด้วยกระสุนเงินอีกครั้ง

“เอ๊ะ”

‘เอียเซิ่ง’กระอึกกระอักตอบกลับ ‘เนี้ยหลี่’มักจะนำเสนอผลประโยชน์สารพัดอยู่เสมอ และน่าเสียดายนักที่เขาเองก็ไม่อาจปฏิเสธมันได้ หลังจากที่ได้รับประโยชน์มา เขาก็ไม่อยู่ในสถานะที่จะทำอะไรกับ’เนี้ยหลี่’ได้

การแสดงออกของ’เอียเซิ่ง’กลับกลายเป็นอ่อนโยนมากขึ้นกล่าวว่า

“เอียฮั่นได้ส่งจดหมายมาให้ข้า ลองดูสิ”

ทันทีที่’เนี้ยหลี่’รับจดหมายจาก’เอียเซิ่ง’มาดูดวงตาเขาก็ส่องประกายเย็นเยียบออกมา เขากล่าวขึ้นว่า

“เอียฮั่นทรยศพวกเราจริงๆ เขาได้ขายเราให้แก่ตระกูลหวู่กุ้ยเสียแล้ว จากที่ข้าทราบมาตระกูลหวู่กุ้ยนั้นมียอดฝีมือระดับเซียนจำนวนสามคน ที่เรียกว่าระดับเซียนที่ว่านั้นหมายถึงระดับขั้นที่เหนือกว่าระดับตำนาน ใครก็ตามที่อยู่ในระดับขั้นนั้นจะสามารถควมคุมพลังแห่งสัจธรรมได้ ยอดฝีมือจำพวกนี้แหละที่ยากจะจัดการกับพวกมัน เพียงแค่หนึ่งในพวกมันก็สามารถสร้างภัยพิบัติแก่เมืองกลอรี่ได้”

หลังจากขบคิดชั่วครู่’เอียเซิ่ง’กล่าวว่า

“เราสามารถใช้สิ่งที่ดีที่สุดของเรา และขึ้นอยู่กับว่าค่ายกลหมื่นอสูรว่าจะสามารถขับไล่พวกมันออกไปได้”

ความแข็งแกร่งของเมืองกลอรี่ในตอนนี้มีน้อยเกินไป ในขณะที่ตอนนี้เรายังต้องเผชิญกับคมเขี้ยวของตระกูลหวู่กุ้ย มันจะมีปัญหาอีกมากมายตามมาในอนาคต

‘เนี้ยหลี่’คำนวนชั่วครู่กล่าวว่า

“จากดินแดนใต้พิภพมาที่นี่ พวกมันจะต้องใช้เวลาหลายวัน ถ้านำกองกำลังมาก็คงจะหลายเดือน ดังนั้นเราควรถ่วงเวลาไว้ ในระยะเวลาไม่กี่เดือนพวกเราสมควรหาหนทางจัดการกับตระกูลหวู่กุ้ย เมื่อคนของตระกูลหวู่กุ้ยมาที่นี่ เราจะถ่วงเวลาพวกมันไว้ ใครจะรู้ว่าถ้าหากท่านเอียมัวอาจสามารถเข้าใจถึงพลังแห่งสัจธรรมในช่วงเวลากระชั้นชิดแบบนี้และเข้าถึงระดับขั้นเซียน แต่ถ้าท่านทำได้เราก็จะมีทุนรอนสำหรับจัดการกับตระกูลหวู่กุ้ย นอกจากนี้เราจะต้องเพิ่มพูนความแข็งแกร่งของพวกเราก่อนเป็นอันดับแรก ปล่อยให้ตระกูลหวู่กุ้ยคิดว่าพวกมันมีความสามารถที่จะกลืนกินพวกเรา มิฉะนั้นหากตระกูลหวู่กุ้ยได้ทำการติดต่อกับตระกูลอื่นและเป็นพันธมิตรกันพวกเราจะประสบความกดดันเพิ่มขึ้น”

‘เนี้ยหลี่’ขบคิดชั่วครู่แล้วกล่าวอีกว่า

“โชคยังดี ที่ในจำนวนหลายสิบคนที่มาเป็นยอดฝีมือระดับตำนาน ไม่ใช่พวกระดับเซียน”

คิ้วของ’เอียเซิ่ง’กระตุกหลังจากคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ชั่วครู่แล้วกล่าวว่า

“ถ้าหากเป็นยอดฝีมือระดับตำนานหลายสิบคน ค่ายกลหมื่นอสูรคงจะเพียงพอจัดการกับพวกเขา!”

สิ่งสำคัญในการต่อสู้ระหว่างยอดฝีมือระดับตำนานหรือระดับเซียนคือความแข็งแกร่ง กลยุทธ์เหล่านี้มีไว้เพียงเพื่อถ่วงเวลาเท่านั้น แน่นอนว่ายอดฝีมือตระกูลหวู่กุ้ยยังจะคงมาสานต่อหลังจากพวกเขาได้เริ่มไว้

หลังจาก’เนี้ยหลี่’ได้บอกถึงครรลองของพลังแห่งสัจธรรมแก่’เอียเซิ่ง’แล้ว เขาเองก็ยังต้องการเข้าไปเก็บตัวฝึกฝนอย่างรีบด่วน

ความรู้สึกอันแรงกล้าของสถานการณ์กระชันชิดล้วนลุกโชนขึ้นในจิตใจของทุกคน นอกเหนือจากตระกูลหวู่กุ้ย มันยังมีโอกาสอีกมากที่เมืองกลอรี่ จะเผชิญหน้ากับขุมพลังอันแข็งแกร่งในอนาคต

กองกำลังแรกที่ตระกูลหวู่กุ้ยส่งออกมาคาดว่าจะมาถึงภายในสิบวันหรือมากกว่านั้น ‘เอียมัว’ได้ทำการประเมินความแข็งแกร่งของพวกมันว่า มียอดฝีมือระดับตำนานสิบกว่าคนและหนึ่งในนั้นไม่มีผู้ใดอยู่ระดับเซียน

ดังนั้น’เอียมัว’จึงพยายามทะลวงไปยังระดับเซียนให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ทางนี้เป็นทางเดียวที่พวกเขาจะสามารถต่อสู้กับตรูกูลหวู่กุ้ย

สำหรับ’เนี้ยหลี่’เองก็กำลังพิจารณาถึงพลังของฝ่ายตรงข้าม ในฝั่งของเขามีห้ายอดฝีมือระดับตำนาน มีเทพธิดายู่หยาน, ‘ต้วนเจี่ยน’, ‘ลั่วหมิง’, และอีกสองคนที่มาจากตระกูลตราประทับหยก ถ้านับรวม’เอียมัว’กับ’เอียเซิ่ง’ ก็จะมีเจ็ดคน ด้วยค่ายกลหมื่นอสูร พวกเขาแทบไม่ต้องออกไปเผชิญกับกองกำลังแรกของตระกูลหวู่กุ้ย

แต่นี่มันยังคงไม่เพียงพอ!

ความเร็วในการฝึกฝนเคล็ดวิชา [เทพวิถีฟ้า] ยังคงช้าเกินไป ‘เนี้ยหลี่’ไม่มีทางเลือก และคิดเกี่ยวกับการยกระดับความแข็งแกร่งของตัวเอง ทันใดนั้นความคิดหนึ่งก็ปรากฏขึ้นในใจของเขา

ใช่แล้ว! เคล็ดวิชาอสูรกลืนวิญญาณ!

‘เนี้ยหลี่’นึกขึ้นมาได้ถึงเคล็ดวิชาลับที่เขานั้นเคยเห็นเมื่อช่วงชีวิตก่อนหน้าของเขา หลังจากกล่าวคำอำลากับ’เอียเซิ่ง’แล้ว เขาก็รีบตรงไปยังลานบ้านของ’เอียจื้ออวิ้น’

การที่’เอียมัว’กลับมาทำให้’เอียจื้ออวิ้น’รู้สึกมีความสุขมากจริงๆ อย่างไรก็ตามเธอได้รีบกลับเข้าไปฝึกฝนอย่างรวดเร็วหลังจากที่เธอได้พูดคุยกับท่านปู่ของเธอ ในขณะเดียวกันเธอก็ได้รู้ว่า’เนี้ยหลี่’นั้นกลับมาแล้วจาก’เอียมัว’

หลังจากที่แยกจากกันเป็นเวลานาน เธอมีความปรารถนาเล็กๆสำหรับ’เนี้ยหลี่’ แต่ทว่าเธอพยายามระงับอาการเต้นของหัวใจของเธอและยังคงฝึกฝนอยู่ภายในตึกของตัวเองไปตามปกติ

แต่ดูเหมือนว่า หัวใจของเธอจะไม่ยอมสงบลง ทำให้เธอล้มเหลวในการฝึกฝนหลายต่อหลายครั้ง

‘เนี้ยหลี่’ได้เข้ามายังภายในลานบ้านและมองเห็น’เอียจื้ออวิ้น’กำลังควบคุมราชินีหิมะ ภายในปากของราชินีหิมะมีไข่มุขอยู่ลูกหนึ่ง นี่เป็นไข่มุขที่’เนี้ยหลี่’ได้นำกลับมาจากดินแดนคุกนรกจองจำ มันดูเหมือนกับอัญมณีจิตวิญญาณลมหิมะ ทำให้การฝึกฝนของเธอพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว

ดวงตาทั้งสองของ’เอียจื่ออวิ้น’ได้ปิดลง พวงแก้มที่สวยงามของเธอดูราวกับหยกเนื้อดีนั้นกำลังส่องประกายอยู่ภายใต้รัศมีแสงของพายุหิมะ ทำให้เธอดูราวกับสิ่งศักดิ์สิทธิอันสูงส่ง ทิวผมสีม่วงของเธอที่พาดอยู่บนบ่าของเธอยังช่วยขับกลิ่นอายเอื่อยเฉื่ยเพิ่มขึ้น เธอยังใส่ชุดคลุมผ้าไหม้สีขาวที่ช่วยขับเน้นสัดส่วนทำให้เธอดูบริสุทธิ์และมีเสน่ห์มากยิ่งขึ้น

รังสีหนาวเย็นได้เคลื่อนไหวเป็นลักษณะวงกลมอยู่ภายในลานบ้านคล้ายกับพระราชวังน้ำแข็งอันสวยงาม

สำหรับตอนนี้ชั่วขณะหนึ่งเนี้ยหลี่ได้จมลงไปกับการเหม่อมองไปยังเธอ สำหรับช่วงเวลานี้เขาปรารถนาเพียงแค่จ้องมองไปยังเธออย่างสงบโดยที่ไม่มีสิ่งได้มารบกวนพวกเขา

โดยที่ยังไม่ได้ลืมตาขึ้น ‘เอียจื้ออวิ้น’ได้สัมผัสถึงอะไรบางอย่าง และได้เคลื่อนสายตาของเธอ

‘เนี้ยหลี่’เดินเข้าไปอยู่ด้านข้างของ’เอียจื้ออวิ้น’ เขารู้ว่าเธอสัมผัสได้ว่าเขามาถึงแล้ว แต่เธอยังคงปิดตาของตัวเองอยู่ ความคิดที่น่ารักของหญิงสาวทำให้’เนี้ยหลี่’เผยรอยยิ้มขึ้น

หลังจากผ่านไปเนิ่นนาน ‘เนี้ยหลี่’ก็ยังไม่ขยับเคลื่อนไหว เธอได้ลืมตาของเธอขึ้นและเห็นเขากำลังจ้องมองมาที่เธอ ในทันทีทันใดดวงหน้าของเธอก็แต่งแต้มไปด้วยสีแดงจากนั้นเธอก็นึกถึงบางสิ่งขึ้นมา เธอมองเขาด้วยความโมโหและพูดขึ้นว่า

“เจ้าจากไปเป็นเวลานานมาก โลกภายนอกคงมีสิ่งที่น่าสนใจมากเลยสินะ”

“ใช่แล้ว น่าสนใจมาก”

‘เนี้ยหลี่’ยิ้ม

“เนี้ยหลี่ ครั้งหน้าถ้าเจ้าออกไปแล้วไม่พาข้าไปด้วย ข้าจะไม่พูดกับเจ้าอีกเลยคอยดู”

‘เอียจื้ออวิ้น’พูดด้วยท่าทีขุ่นเคืองเป็นอันมาก

หลังจากที่’เนี้ยหลี่’จากไปเป็นเวลานาน หัวใจของเธอกลับโหยหาถึงเขา เธอไม่เข้าใจว่าทำไมเธอถึงเป็นเช่นนี้ เมื่อใดก็ตามถ้าหากเธอไม่เห็น’เนี้ยหลี่’ เธอจะรู้สึกขุ่นเคืองอย่างบอกไม่ถูกภายในจิตใจของเธอ

เธอยังกังวลว่า’เนี้ยหลี่’นั้นจะหายไปจากชีวิตของเธอ หรือว่าเขานั้นไม่รักเธอแล้ว มันช่วยไม่ได้ที่หัวใจของเธอจะรู้สึกกังวล

“เพราะว่าการฝึกฝนในครั้งนี้อันตรายเกินไป แน่นอนว่าคราวหน้าข้าจะพาเจ้าไปด้วย”

‘เนี้ยหลี่’ยิ้ม เขาดึง’เอียจื้ออวิ้น’เข้ามาแล้วพูดว่า

“เวลาตอนนี้กระชั้นชิดนัก ยังมีอีกหลายสิ่งที่ต้องกระทำ เราควรจะเรียกตูซือ, ลู่เปียว, หนิงเอ๋อ แล้วก็พวกที่เหลือมา!”

“เจ้า……”

เมื่อมือของเธอถูก’เนี้ยหลี่’จับไว้ หัวใจของเธอสั่นไหวด้วยความเอียงอายแต่ทว่าเธอไม่ได้ขัดขืน ในคราวนี้เธอยอมให้เขาจับเอาไว้แต่โดยดี

ทุกคนมารวมตัวกันอยู่ที่ลานบ้าน

ลั่วหมิงกับผู้ติดตามทั้งสองจากตระกูลตราประทับหยกถูกจัดให้อยู่ในสถานที่อื่นไม่ไกลจากที่นี่นัก ทุกคนที่อยู่ที่นี่เป็นคนที่เขาสามารถไว้ใจได้ ‘เอียจื้ออวิ้น’ ‘ตูซือ’ ‘ลู่เปียว’ ‘เซี่ยวหนิงเอ๋อ’ ‘ต้วนเจี้ยน’ ‘เหว่ยหนาน’ ‘ซูเซียงจุน’ ‘ซานหมิง’ และ ‘เสี่ยวซุ่ย’

รวมตัวเองด้วยเป็นทั้งหมดสิบคน

“ในที่สุดเจ้าก็กลับมาเสียทีนะเนี้ยหลี่ เจ้าหายไปนานมากจนทำให้พวกข้าเป็นกังวลเลยทีเดียว”

‘ลู่เปียว’หัวเราะลั่นขณะที่เขาคล้องแขนลงบนคอของ’เนี้ยหลี่’แล้วก็ทุบเขา

ภายในดวงตาอันสวยงามของ’เซี่ยวหนิงเอ๋อ’ เธอมีคำพูดมากมายเป็นพันที่อยากจะพูดเมื่อเธอเห็นเขา อย่างไรก็ตามเธอก็ไม่ได้พูดออกมา ในเวลานี้เมื่อเจอ’เนี้ยหลี่’หัวใจของเธอก็เต็มไปด้วยความปรารถนา

‘เนี้ยหลี่’ยิ้มน้อยๆกล่าววว่า

“มีอะไรหลายอย่างกำลังเกิดขึ้นในช่วงเวลานี้ ข้าจะค่อยๆบอกพวกเจ้าในภายหลัง ก่อนอื่นข้าจะแนะนำใครบางคนกับพวกเจ้า”

เขายกแขนขวาของเขาขึ้นและเทพธิดายู่หยานก็บินออกจากท้องแขนของเขาไปในอากาศ

‘ยู่หยาน’ในวันนี้สวมใส่ชุดผ้าไหมสีแดงเข้มราวกับอัคคีกองหนึ่ง ลักษณะที่งดงามของเธอทำให้ทุกคนตาพรางพราว ถึงแม้ว่าเธอจะมีขนาดตัวเท่ากับมือมนุษย์สองมือซ้อนกันก็ตาม ด้วยความงดงามของเธอยังคงเปล่งประกายด้วยความศักดิ์สิทธิและสูงศักดิ์ เมื่อมองไปที่เธอเป็นธรรมดาที่คนทั่วไปจะรู้สึกต่ำต้อยกว่า

เมื่อได้เห็นเทพธิดาตัวน้อยข้อความประหลาดใจก็ได้ถูกเขียนขึ้นบนใบหน้าของพวกเขาทุกคน

“เธอเป็นใคร?”

“ทำไมเธอถึงตัวเล็กจัง?”

ทุกคนเบิงตากว้างและเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นของทุกคนเพ่งมองไปยังเธอ ‘ลู่เปียว’ก็ค่อยๆยกแขนของเขาขึ้น ต้องการที่จะหยิกเข้าไปที่แก้มน้อยๆของ’ยู่หยาน’ แต่ทว่าอย่างไรก็ตามเธอได้ปล่อยรังสีอำมหิตออกมา นั้นทำให้’ลู่เปียว’รีบถอยห่างจากเธออย่างรวดเร็ว

‘ลู่เปียว’ตกตะลึง เขาไม่เคยคิดเลยว่าเธอจะมีพลานุภาพสูงส่งถึงขั้นนี้

“ชื่อของเธอคือยู่หยาน”

‘เนี้ยหลี่’ตบลงไปบนบ่าของ’ลู่เปียว’และกล่าวว่า

“เธอเป็นจิตวิญญาณแห่งเทพของเผ่าพันธุ์มนุษย์ และเธอก็อยู่มานานหลายพันปีแล้วด้วย เธอยังเป็นยอดฝีมือผู้ที่อยู่เหนือกว่าระดับตำนาน อย่างไรก็ตามขุมพลังแห่งเทพกับร่างกายศักดิ์สิทธิของเธอได้ถูกทำลายไป นี่เป็นร่างศักดิ์สิทธิใหม่ที่พึ่งได้รับการฟื้นฟูขึ้นมาเมื่อเร็วๆนี้ นั้นเป็นสาเหตุว่าทำไมเธอถึงได้ตัวเล็ก”

จิตวิญญาณแห่งเทพที่อยู่เหนือกว่าระดับตำนาน? เมื่อได้ยินที่’เนี้ยหลี่’พูดใบหน้าของ’ลู่เปียว’พลันซีดเผือดลงเนื่องจากความกลัว เขาเกือบจะล่วงเกินท่านเทพธิดาไปเสียแล้ว? โชคยังดีที่ท่านเทพธิดาไม่ได้ถือสาเขาและเพียงสะบัดเขาออก มิเช่นนั้นเขาคงจะตายโดยที่ยังไม่ทันได้รู้ตัว

‘เอียจื้ออวิ้น’ ‘เซี่ยวหนิงเอ๋อ’ กับพรรคพวกมีอาการตื่นตกใจอยู่บนสีหน้าของพวกเขา กับสิ่งที่คงอยู่มาตลอดหลายพันปี และยังอยู่เหนือกว่าระดับตำนานนั้น ถึงแม้ว่าขุมพลังแห่งเทพของเธอจะพังทลายไป แต่เธอก็ยังคงอยู่ในจุดที่ทั้งหมดไม่สามารถบรรลุไปถึงได้

ส่วนเรื่องที่ว่า’เนี้ยหลี่’ได้ไปพบกับเทพธิดายู่หยานและวิธีการพาเธอกลับมายังเมือกลอรี่อย่างไรนั้น? มันช่วยไม่ได้ที่จะทำให้พวกเขาทั้งหมดรู้สึกอยากรู้อยากเห็นขึ้นมาเล็กๆน้อยๆ

“ยินดีที่ได้พบทุกคน จากนี้ไปพวกเจ้าจะเรียกข้าว่าพี่สาวเหมือนกับที่เจ้าเนี้ยหลี่เรียกข้าก็ได้นะ”

การแสดงออกของยู่หยานอ่อนโยนนุ่มนวลมากขณะที่ร่อนลงตรงไหล่ของ’เนี้ยหลี่’

หลังจากที่เธออยู่กับ’เนี้ยหลี่’มาเป็นเวลานาน เธอก็รู้สึกกับเขาเหมือนกับว่าเขานั้นเป็นน้องชายตัวน้อยของเธอไปเสียแล้ว

พวกเขาสามารถเรียกเทพธิดาที่อยู่มานานหลายพันปีว่าพี่สาวได้อย่างนั้นหรือ? ช่วยไม่ได้ที่ทุกคนจะเกิดความรู้สึกกังวลในจิตใจ ขณะเดียวกันทั้งหมดนั้นก็ได้เคลื่อนสายตาจ้องมองไปยัง’เนี้ยหลี่’

ที่มา:

ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments