ตอนที่แล้วตอนต่อไป‘เนี่ยลี่’ยิ้มบางๆพร้อมกับผงกหัวรับไปด้วย
‘ลู่เพียว’ ก็เริ่มต้นถามอย่างด้านๆเลยว่า
“พี่ ยู่หยาน ขนาดร่างกายแต่เดิมพี่นั้นขนาดเท่าไหร่อ่ะ”
ภาพที่ปรากฏในใจอย่างเร็วพลันของ’ลู่เพียว’นั้น เทพธิดาผู้ซึ่งมีชีวิตอยู่มานับหมื่นๆปีก่อนคงจะต้องมีร่างกายใหญ่โตเท่าภูเขา สวมใส่เสื้อผ้าเซ็กซี่และต้องมีผู้คนก้มกราบบูชาอีกนับไม่ถ้วน เมื่อผู้เคารพบูชานั้นเงยศรีษะจากที่หมอบกรานขึ้นมา ก็จะ…เห็นเรียวขาสวยๆและก็กระโปรงที่เสมอบั้นท้ายของแบบอย่างเทพธิดาแน่…(จิ้นได้จิ้นดีนะลู่เพียว)
หลังจากได้อ่านใจของ’ลู่เพียว’แล้ว สีหน้าของ’ยู่หยาน’ก็เปลี่ยนไปเป็นเย็นชาไร้ความรู้สึกทันทีแต่เพราะมีหลายคนนั้นมองเธออยู่ เธอจึงพูดอย่างนิ่งๆว่า
“ร่างกายของพี่ก็มีขนาดเท่ากับคนปกติทั่วไปอย่างน้องนั่นแหละ จะมีก็แต่ว่าร่างนั้นค่อยๆเปลี่ยนแปลงไปเป็นร่างของเทพจ๊ะ”
ดังนั้นร่างกายของเธอ (ยู่หยาน) มีขนาดเท่าคนทั่วไปเท่านั้นเอง จิตนาการทั้งหลายในหัวของ’ลู่เพียว’นั้นไม่ใช่เลย
‘เนี่ยลี่’ก็ตบเบาๆไปที่ไหล่ของ’ลู่เพียว’อีกที พร้อมยิ้มและบอกว่า
” พี่เทพธิดา ยู่หยานเป็นเทพทางจิตวิญญาณ ยังสามารถอ่านใจคนได้ด้วยนะ “
“ห๋า?”
หลังจากได้ยินคำพูดของ’เนี่ยลี่’ ‘ลู่เพียว’ชำเลืองตามองที่ เทพธิดา’ยู่หยาน’ ซึ่งเห็นเธอกำลังจ้องมองมาที่’ลู่เพียว’อย่างเย็นชาด้วยสายตาที่ชาเย็นและน่ากลัว(เสร็จแน่โดนจับได้แล้วลู่เพียว)
‘ลู่เพียว’เหมือนจะร้องให้ ถ้าอย่างนั้นที่พี่’ยู่หยาน’เทพธิดาอ่านใจได้ ก็หมายความว่าความคิด(ที่จิ้น)ของ’ลู่เพียว’เมื่อก่อนหน้านั้น มิถูกเห็นหมดแล้วหรือ?
ช่างเป็นข้อผิดพลาดในการคบสหายจริงๆ ทำมั้ยทำไม’เนี่ยลี่’ไม่บอกเขาเสียก่อนหน้านี้น๊า ถ้ารู้มาก่อนเขาคงจะไม่กล้าแม้แต่จะคิดเรื่องที่ดูหมิ่นหยาบคายเช่นนี้แน่นอน
“เอาล่ะพวกเรามีเรื่องที่จะต้องทำกันแล้ว ลู่เพียว ตู่ซือ และพวกเราอีกทั้ง 5 คนนี้ต้องไปร้านประมูลค้า และร้านสินค้าทุกร้าน พร้อมกับซื้อจิตอสูรมากเท่าที่จะมากได้ ถ้ามีปัญหาติดขัดเรื่องเงินไม่พอละก็ให้ไปหารับเพิ่มที่พี่หยาง (หยางซิ่น)นะ”
‘เนี่ยลี่’กล่าว
“ตกลง “
แม้ว่าพรรคพวกของ’เนี่ยลี่’จะไม่รู้ว่า’เนี่ยลี่’วางแผนการณ์จะทำสิ่งใด แต่เมื่อได้เห็น’เนี่ยลี่’นั้นได้เปลี่ยนเป็นจริงจังขึ้นมา ‘ลู่เพียว’ ‘ตู่ซือ’ และคนที่เหลือ รู้สึกได้เลยว่าสิ่งที่’เนี่ยลี่’ต้องการจะทำนั้นจะต้องสำคัญมาก
“ส่วนคนที่เหลือช่วยหาวัตถุดิบอื่นๆที่ต้องการ เดี๋ยวจะเขียนรายการของทุกอย่างที่จะต้องซื้อ “
‘เนี่ยลี่’กล่าว เพราะการศึกครั้งใหญ่ที่กำลังจะมาในอีกไม่ช้านี้ ‘เนี่ยลี่’ต้องเตรียมการพร้อมไว้อย่างรวดเร็ว
ถ้าพวก’เนี่ยลี่’เป็นที่ต้องการในการศึกใหญ่นั้นแล้ว พวกเขาต้องเตรียมตัวเตรียมการให้พร้อมตั้งแต่ตอนนี้
” ได้ “
‘เอียจืออวิ้น’ ,’เซียวนิงเอ๋อ’ และพรรคพวกที่เหลือก็พยักหน้ารับกัน
และทุกๆคนก็วุ่นวายรีบดำเนินการกับสิ่งที่ได้รับมอบหมายมาด้วยความรวดเร็ว
‘ยู่หยาน’มองด้วยความฉงนและถาม’เนี่ยลี่’
” ทำไมเนี่ยลี่ถึงต้องการให้พรรคพวกไปรวบรวมจิตอสูรด้วย “
” พี่ยู่หยาน พี่เคยได้ยิน เคล็ดการดูดกลืนจิตรอสูร มาก่อนหรือไม่”
‘เนี่ยลี่’กล่าว
“เคล็ดการดูดกลืนจิตรอสูร”
‘หยี่เยียน’ขมวดคิ้วและคิดนึกตรองในใจทันที เธอเคยได้ยินใครซักคนเอ่ยถึงเมื่อก่อนได้อย่างลางๆ อย่างไรก็ตามหลังจากที่ได้อยู่ในความสันโดษมานานหลาย(หมื่น)ปี เธอก็ไม่สามารถเรียกความจำใดๆเกี่ยวกับมันได้อีก อาจจะเป็นไปได้ที่เคล็ควิชาลับของคนรุ่นโบราณปรัมปราเป็นได้
“เคล็ดการดูดกลืนจิตรอสูร เป็นเคล็ควิชาที่จะสามารถทำให้เราดูดกลืนจิตรอสูรทั้งหลายไปเพื่อใช้ในการฝึกฝนจิตวิญญาณได้ มันเป็นเคล็ดที่ร้ายกาจซึ่งขืนกับกฏสวรรค์ (วิถีแห่งแต๋า =the heaven Dao) ข้าไม่อยากจะใช้มันถ้าเป็นไปได้ เพราะเคล็คนี้อาจมีผลร้ายต่อการฝึกยุทธของใครคนนึงได้ในอนาคต แต่ตอนนี้-เวลานี้เมืองกลอรี่กำลังเผชิญหน้ากับ ภยันอันตราย จึงมิมีทางเลือก ที่ข้าจึงจะต้องใช้เคล็ดวิชาลับนี้”
‘เนี่ยลี่’กล่าวพร้อมมองไกลด้วยสายตาที่ส่องประกายมั่นคง ไม่ว่าจะจ่ายด้วยสิ่งใดเขาจะต้องปกป้องปกป้องเมืองกลอรี่นี้ให้ได้ ส่วนสิ่งใดที่เหลือในอนาคตค่อยว่ากันอีกที
ถ้าสมาคมทมิฬจะมาประทุษร้ายเมืองกลอรี่ ‘เนี่ยลี่’จะทำลายสมาคมทมิฬ ถ้าตระกูลอสูรสาบ (Wugui Family = ตระกูลอู่กุ้ย ) จะมาประทุษร้ายเมืองกลอรี่ ‘เนี่ยลี่’จะทำลายตระกูลอสูรสาบซะ หลังจากการที่’เนี่ยลี่’ได้กลับมาเกิดในชาตินี้แล้ว,’เนี่ยลี่’ตัดสินใจว่าเขาจะไม่ให้ใครมาแตะต้องเมืองกลอรี่โดยเด็ดขาด
“ถ้าเนี่ยลี่ได้ตัดสินใจเช่นน้ันแล้ว พี่ก็จะไม่คัดค้านใดๆ ผู้คนทั้งหลายของเมืองกลอรี่ก็นับเป็นดั่งหนึง่ในชาติพันธ์มนุษย์ของพี่ด้วยเช่นกัน ถ้ามีศัตรูใดมาประทุษร้ายพวกเขาเหล่านั้น พี่ก็จะทุ่มสุดกำลังเพื่อปกป้องพวกเขาด้วยเช่นกัน “
‘ยู่หยาน’พูดออกมาอย่างจริงจัง
“ขอบคุณครับพี่สาวยู่หยาน”
‘เนี่ยลี่’พยักหน้า ด้วยถ้อยคำที่’ยู่หยาน’ได้บอกออกมานั้นทำให้’เนี่ยลี่’รู้สึกเบาใจขึ้น
จากการที่มี’เอียจืออวิ้น’และพรรคพวกรวบรวมวัตถุดิบต่างๆและจิตวิญญาณอสูร ‘เนี่ยลี่’ได้ความคิดอีกอย่างผุดขึ้นมา จึงเอาหินจิตวิญญาณมังกรออกมา แม้ว่าหินจิตวิญญาณมังกรจะเอาไว้ใช้ในการหลอมรวมกับอาวุธ แต่’เนี่ยลี่’ก็คิดวิธีใช้อีกแบบที่แตกต่างออกไป
หินจิตวิญญาณมังกรนั้นเป็นสิ่งที่ทนทานมากและยังสามารถผนึกเก็บพลังงานไว้ข้างในได้ด้วย ถ้าไม่ได้รับแรงกระแทกมากๆแล้วละก็จะไม่แตกเสียหาย
‘เนี่ยลี’ใช้วิธีพิเศษในการปรับแต่งหินจิตวิญญาณมังกรให้บริสุทธิ์และค่อยๆหลอมขนาดให้เหลือขนาดเท่ากับกำปั้น การจัดรูปแบบใหม่อย่างนี้ถือว่าไม่ธรรมดา(ถือได้ว่าพิเศษมากๆก็ว่าได้) ข้างในนั้นจะว่างเปล่าแต่มีผนังกันบางๆอยู่ตรงกลางอีกชั้นทำให้หินมีส่วนข้างในนั้นเป็นที่ว่างโดยแบ่งแยกเป็น 2 ข้างโดยสิ้นเชิง
” กำลังหลอมรวมอะไรอยู่จ๊ะ “
‘หยี่เยียน’ถามอย่างอยากรู้พร้อมมองไปที่’เนี่ยลี่’
” ข้ามีวิธีที่จะใช้มันอย่างยอดเยี่ยมตามแบบฉบับของข้าเอง”
‘เนี่ยลี่’ยิ้มบางๆ หลังจากที่หลอมรูปแบบของหินใหม่เรียบร้อยแล้ว ‘เนี่ยลี่’ก็รวมร่างกับแพนด้าเขี้ยวทันที ทำให้ร่างเขาใหญ่ขึ้น
หลังจากที่’เนี่ยลี่’รวมร่างแล้วเปลี่ยนเป็นแพนด้าเขี้ยวอสูรแล้ว ก็อ้าปากพร้อมรวมพลังสัจธรรมแห่งความมืด( Law of Darkness )และปิดผนึกในที่ว่างข้างนึงข้างในหินจิตวิญญาณมังกรที่เนี่ยลี่ทำขึ้นมา
หลังจากนั้น’เนี่ยลี่’ก็ทำแบบเดียวกันกับอีกที่ว่างที่เหลืออยู่ด้วย พลังสัจธรรมแห่งแสงสว่าง ( Law of Light )
เมื่อ’เนี่ยลี่’ได้ปิดผนึกเสร็จแล้วก็พูดว่า
” แพนด้าเขี้ยวอสูรของข้านั้นได้ผสานกับ พลังสัจธรรมแห่งความมืดและแสงสว่าง ดังนั้นแล้วฤทธิเดชระเบิดหยินหยางจะน่าตกตะลึงมาก ต่อให้นักสู้ระดับตำนานก็มิอาจยืนหยัดต่อกรกับแรงระเบิดหยินหยางของข้าได้หรอกนะ “
“แต่เพราะความเร็วของระเบิดหยินหยางนั้นช้าเกินสำหรับ นักสู้ขั้นตำนานระดับทั่วๆไป ก็สามารถหลบได้สบายๆ ข้าได้หลอมรวมหินจิตวิญญาณมังกรให้เป็นอาวุธโดยมีที่ว่างข้างในเป็น 2 ส่วนและใส่ พลังแห่งสัจธรรมของความมืดและแสงสว่างตามลำดับโดยปิดผนึกไว้ข้างในให้แยกกันไว้ เมื่อใดที่ข้าใช้บัญญัติทั้งคู่ทำงาน พลังทั้งสองก็จะหลอมรวมกันและจะเกิดพลังงานมหาศาลซึ่งจะมันจะถึงขีดจำกัดอย่างรวดเร็ว ภายในหินจิตวิญญาณมังกรนั้นมีพื้นที่ภายในเล็กอยู่แล้วก็ยิ่งมีฤทธิ์เดชของการระเบิดมากขึ้น จะฤทธิ์เดชราวๆระเบิดหยินหยางที่ปล่อยออกไปปกติ ถึงสิบเท่า “
หลังจากที่ได้ยิน’เนี่ยลี่’บอกมา ‘ยู่หยาน’ก็อดไม่ได้ที่รู้สึกหนังหัวลุกซู่ขึ้นมา เธอจิตนาการได้ง่ายๆถึงผลลัพท์ของสิ่งนี้ที่ระเบิดกับศัตรู แม้นแต่นักสู้ขั้นตำนานอาจต้องได้รับเคราะห์ร้ายจากมันแน่นอน
‘ยู่หยาน’รู้สึกยากจะแงะเปิดศีรษะของ’เนี่ยลี่’ดูจังว่า ภายในสมองของ’เนี่ยลี่’นั้นเจริญเติบโตมาได้อย่างไรเพียงใด เหตุไฉนจึงมีความคิดพลิกแพลงอันแยบคายนัก
‘เนี่ยลี่’ก็บีบอัดพลังแห่งสัจธรรมทั้งความมืดและแสงว่าง ลงไปในหินจิตวิญญาณมังกรที่ข้างในว่างเปล่านั้นและปิดผนึกหลังที่อัดเสร็จแล้ว และ’เนี่ยลี่’ก็เขียนจารึกอักขระลึกลับบางอย่างบนผิวหน้าหิน จารึกนั้นก็แทรกเข้าไปในเนื้อหินอย่างรวดเร็ว
ในสายตาของคนทั่วไปแล้ว ก็จะดูเหมือนหินจิตวิญญาณมังกรธรรมดาทั่วไป
“ตั้งชื่อว่า หินระเบิดมังกรก็แล้วกัน”
‘เนี่ยลี่’คิด และก็เริ่มหลอมทำ หินระเบิดมังกรต่อไปเรื่อยๆ อันไหนเสร็จแล้วก็เก็บลงไว้ในแหวนต่างมิติของ’เนี่ยลี่’
หลังจากทำหินระเบิดมังกรไปได้กว่า 60 อัน ‘เนี่ยลี่’ก็หยุดทำเพราะหินจิตวิญญาณมังกรที่มีนั้นหมดแล้ว
ถ้า’เนี่ยลี่’ไม่ได้เสริมจิตวิญญาณด้วยยาทิพย์จำนวนมาก และดูดกลืนพลังแห่งสัจธรรมอยู่เป็นนิจแล้ว ด้วยระดับพลังวิญญาณของ’เนี่ยลี่’ตอนนี้คงไม่สามารถหลอมรวมสร้างหินระเบิดมังกรจำนวนมากในระยะสั้นๆนี้ได้ เมื่อหลอมทั้งหมดเสร็จเรียบร้อย ‘เนี่ยลี่’ก็รู้สึกอ่อนเพลียจนแทบสลบทีเดียว
ในช่วงระยะเวลาเพียง 2 วัน ,’ลู่เพียว’ , ‘ตู่ซื่อ’ และที่เหลือทั้ง 6 ก็ได้รวบรวมจิตวิญญาณอสูรหลากหลายอย่างต่างๆกันได้หลายแสนจิตวิญญาณ เพราะว่าเมื่อไม่นานมานี้เองที่เมืองกลอรี่เพิ่งจะรอดพ้นจากการโจมตีของเหล่าฝูงสัตว์อสูรกายนั่น จิตสัตว์อสูรจำนวนมากมายที่พบได้หลังจากการโจมตีจึงมีมหาศาลในภูเขาโดยรอบๆ
นอกจากนั้น ‘เอียจืออวิ้น’ ,’เซียวนิงเอ๋อ’ และพรรคพวกที่เหลือก็นำวัสดุที่ต้องการมาครบ
‘เนี่ยลี่’ก็ลงมือสร้างข่ายมนต์ในพื้นที่ว่างในสนามหญ้าและก็เขียนอักขระจารึกลงไปหลากหลายอย่างลงไปที่พื้น
รูปแบบของอักขระจารึกโบราณนั้นเก่ามากๆ ขนาด เทพธิดา ‘ยู่หยาน’ยังตกใจในรูปแบบของอักขระนั้น เพราะเธออ่านอักขระนั้นยังไม่ถ่องแท้และเข้าใจเพียงหยาบๆเท่านั้น (จะเทพไปไหนอ่ะเนี่ยลี่)
รูปแบบของข่ายมนต์ที่เขียนลงไปที่พื้นนั้นมีช่องว่างในข่ายอยู่สิบเอ็ดที่ ‘เนี่ยลี่’ก็มองไปที่ ‘ต้วนเจี้ยน’, ‘ลู่เพียว’ , ‘ตู่ซื่อ’ , ‘เซี่ยวซุ่ย’ และที่เหลืออีก 6 คน แล้วบอกแนะว่า
” พวกเรานั่งไปที่ว่างในข่ายมนต์ที่เว้นที่ว่างไว้ให้และรอข้าเริ่มการทำงานข่ายมนต์ดูดกลืนจิตรอสูรนี้ แรกข้าจะให้แพนด้าเขี้ยวอสูรเริ่มดูดกลืนจิตวิญญาณอสูรทั้งหลายนี้ก่อน ทุกครั้งที่ดูดจิตวิญญาณอสูร แพนด้าเขี้ยวอสูรจะเริ่มเติบโตขึ้นในขณะเดียวกันปลดปล่อยจิตวิญญาณอสูรหรือไม่ก็พลังแห่งสัจธรรมจำนวนมากออกมาด้วยเช่นกัน และไม่ว่าจะออกมามากซักเท่าใด ก็จะอยู่ในข่ายมนต์ที่เขียนใว้นี้เท่านั้น พวกเราก็ต้องพยายามดูดกลืนจิตอสูรและพลังแห่งสัจธรรมปล่อยออกมานี่ไว้ให้ได้ดีที่สุด”
แท้จริงแล้วถ้า’เนี่ยลี่’ใช้ข่ายมนต์เคล็ดการดูดกลืนจิตรอสูรนี้ ‘เนี่ยลี่’ก็จะได้รับความเสียหายจากการใช้ด้วย(เป็นดั่งดาบสองคม) แต่ยังอยู่ในขอบเขตที่ยังทนรับได้ พลังที่ปลดปล่อยออกมานั้นมีมากมายและต้องไม่เสียเปล่า และมากพอที่ทั้งสิบคนนั้นจะดูดซับกันทั้งหมด
‘เนี่ยลี่’เดินไปยืนอยู ณ จุดศุนย์กลางของข่ายมนต์ และคำรามเสียงต่ำ(คำรามเบาๆ)หลังเริ่มการทำงานของข่ายมนต์ที่จารึกไว้อย่างรวดเร็ว จากนั้นก็มีแท่งแสงวูปวาบสาดส่องขึ้นฟ้าและล้อมรอบทุกคนที่อยู่ในข่ายมนต์
รูปแบบของจารึกที่เขียนไว้อยู่ที่พื้นนั้นก็เริ่มหมุนวนและเปลี่ยนรูปในแบบที่ซับซ้อนพิศวงทั้งยังเปล่งรัศมีที่สุดหยั่งรอบล้อมพวก’เนี่ยลี่’อย่างพลุ่งพล่าน ราวกับว่าสิ่งเหล่านั้นดั่งมาจาฝากฟ้าที่กว้างใหญ่ไร้ขอบเขต
ณ เวลาเดียวกันนั้น ‘ยู่หยาน’ก็ลอยอยู่ในอากาศพร้อมทั้งสายตาที่จ้องมองไปยัง’เนี่ยลี่’และพรรคพวก ในใจเธอนั้นรู้สึกตกตะลึงในความรู้สึกต่อพลังนั้นในทันทีที่รับรู้ได้
เธอไม่เคยนึกเลยว่า’เนี่ยลี่’จะมีความสามารถในการขับเคลื่อนพลังจำนวนมากมายมหาศาลได้ขนาดนี้ พลังนั้นดั่งไหลมาอย่างไร้ขอบเขตจากฝากฟ้าแม้นแต่ ‘ยู่หยาน’ก็ยังได้รับผลนั้น เธอจึงเริ่มซึมซับดูดกลืน พลังแห่งสัจธรรมอัคคีธาตุ ที่อยู่ในอากาศนั้นอย่างรุนแรงนี้ด้วย
‘เนี่ยลี่’คำรามออกมาอย่างเบาๆแลัวก็เปลี่ยนร่างเป็นแพนด้าเขี้ยวอสูร กระแสของพลังทั้งหลายนั้นก็พุ่งตรงมาบรรจบรวมทิศทางกันไปที่แพนด้าเขี้ยวอสูร ทันทีนั้นแพนด้าเขี้ยวอสูรก็มีขนาดใหญ่ขึ้น สูงขึ้นขนาดประมาณได้ขนาด 5-6 เมตรเลยที่เดียว ณ เวลาเดียวกันนี้จิตวิญญาณอสูรในข่ายมนต์นั้นก็ลอยขึ้น
แพนด้าเขี้ยวอสูรคำรามอย่างร้าย พร้อมยกอุ้งมือขึ้นจับจิตอสูรที่ลอยขึ้นมานั้นกัดกินอย่างหิวกระหาย
ตราบใดที่จิตอสูรนั้นยังมีออกมาปรากฏอยู่เรื่อยๆก็จะโดนแพนด้าเขี้ยวอสูรจับกินโดยทันที และทุกๆครั้งที่แพนด้าเขี้ยวอสูรสวาปามจิตอสูรเข้าไป ขนบนตัวของแพนด้าเขี้ยวอสูรนั้นก็จะยิ่งมันเงาระยิบระยับมากขึ้นเท่านั้นและรัศมี(ออร่า)ที่เปล่งออกมาของมันก็ยิ่งน่าเกรงขามขึ้นอีกเช่นกัน
ระลอกของพลังวิญญาณและพลังแห่งสัจธรรมก็ถูกรวบรวมในข่ายมนต์นั้นก็พุ่งตรงไปยังทิศทางที่ ‘เอียจืออวิ้น’ ,’เซียวนิงเอ๋อ’ และพรรคพวกอีก 8 คนนั้นอยู่พรรคพวก’เนี่ยลี่’ก็เรียกอสูรที่รวมร่างนั้นออกมาทุกคนและเริ่มการเดินพลังในขอบเขตจิตวิญญาณของพวกเขาและดูดกลืนพลังงานทั้งหลายนั้นในอย่างพลุ่งพล่าน
‘เนี่ยลี่’ก็เริ่มเดินพลังในอาณาเขตของจิตวิญญาณและดูดซับพลังด้วยเช่นกัน
ณ ในจิตของขอบข่ายวิญญาณนั้นได้รับการเติมเต็มอย่างรวดเร็ว จนถึงสุดขอบของอาณาเขตของจิตวิญญาณ ด้วยพลังวิญญาณและแม้นพลังอันพิสุทธิ์ดังเช่นพลังสัจธรรมด้วยเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ‘เนี่ยลี่’ก็ยังดูดซับพลังอย่างต่อเนื่องต่อไปอีก ขอบเขตของพลังวิญญาณของ’เนี่ยลี่’นั้นไม่อาจบรรจุพลังที่เกรียงไกรนั้นได้จึงค่อยๆขยายขึ้นอย่างต่อเนื่องที่ละนิดทีละนิด
ต่อให้ความเจ็บปวดที่น่าสะพรึงนี้ทำให้หน้า’เนี่ยลี่’นั้นซีดเซียว ‘เนี่ยลี่’ก็ไม่หยุดการดูดซับพลังนั้นทั้งนังดูดซับต่อไปให้มากขึ้นเสียอีก
หลังจากที่วางข่ายมนต์ขนาดใหญ่นี้ด้วยความยากลำบาก
‘เนี่ยลี่’จะต้องพยายามอดทนยืนหยัดให้การทดลองให้นี้ผ่านไปให้จงได้
จบตอนครับ
ที่มา :