I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Tales of Demons & Gods (妖神记) ตอนที่ 212 หวู่หมั่น

| Tales of Demons & Gods (妖神记) | 26720 | 2528 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

บูม! บูม! บูม!

‘เนี่ยลี่’รู้สึกราวกับว่าภายในขอบเขตของจิตวิญญาณนั้นกำลังระเบิดขึ้นเป็นกระแสระลอกคลื่นอยู่ภายใน

และเมื่อเวลาผ่านไป ขอบเขตของจิตวิญญาณ’เนี่ยลี่’ก็ขยายตัวมากขึ้นตามพลังที่มากขึ้น หลังจากการขยายตัวขึ้นหลายครา การเปลี่ยนแปรรูปแบบสุดท้ายก็ได้เริ่มต้นขึ้น และในทุกๆครั้งที่มีการเปลี่ยนแปรรูป

ร่างนั้น น่าตกใจทั้งสิ้น

บูม!

รัศมีกาย(ออร่า)รอบๆร่างของ’เนี่ยลี่’ระเบิดพลังออกมาในทันที ‘เมื่อเนี่ยลี่’ได้เข้าสู่พลังวัตรจากระดับโกลด์ 5 ดาว สู่ระดับแบล็คโกลด์(โกลด์นิล) 1 ดาวแต่อย่างไรก็ตามแต่ นี่เป็นแค่เพียงการเริ่มเท่านั้น ‘เนี่ยลี่’ก็ยังไม่หยุดในสิ่งที่กำลังอยู่และยังดูดกลืนจิตวิญญาณมากมากขึ้นไปอีกเพื่อจะพลักดันตัวเองให้ขึ้นไปสู่ระดับที่สูงยิ่งๆขึ้น ส่วนแพนด้าเขี้ยวอสูรนั้นก็มีความแข็งแกร่งมากขึ้นเช่นกันและเร็วกว่า’เนี่ยลี่’เสียอีก

หลังจากการที่ได้บรรลุพลังอย่างรวดเร็วจากระดับโกลด์ 2 ดาวสู่ระดับโกลด์ 3 ดาว ก็ยังเพิ่มต่อไปไม่หยุด ถ้ายังเป็นเช่นนี้ต่อไปเช่นนี้อีกหลังจากที่’เนี่ยลี่’ต้องกดมันไว้อย่างเต็มกำลัง ‘เนี่ยลี่’กังวลว่าถ้าการเติบโตของแพนด้าเขี้ยวอสูรนั้นเร็วมากเกินไป’เนี่ยลี่’อาจจะเสียการควบคุมได้

แพนด้าเขี้ยวอสูรนั้นเป็นสัตว์อสูรที่มีการเจริญพัฒนาเติบโตระดับพระเจ้าและทั้งยังมีความแข็งแกร่งมากด้วย ถ้าใครสักคนได้รับรู้ความจริงได้ว่ามีการดูดกลืนจิตอสูรได้ทุกประเภทได้อย่างมากมาย ดูดกลืนได้แม้กระทั่งจิตอสูรระดับแบล็คโกลด์ คงจะจิตนาการถึงความเร็วในการเติบโตอันน่าตกตะลึงได้

ผองเพื่อนทุกๆคนต่างก็รู้สึกเช่นเดียวกับ’เนี่ยลี่’ ว่าได้รับอาบชุ่มไปด้วยพลังวิญญาณและพลังสัจธรรมอย่างเปี่ยมล้น ผลจากข่ายมนต์นี้นั้นได้รวบรวมพลังวิญญาณและพลังสัจธรรมมาอยู่รายล้อมรอบพวกเขาทั้งยังมีความ หนาแน่นมากกว่าปกติอีกหลายร้อยเท่า ยิ่งกว่านั้นบรรดาพลังทั้งหลายที่แพร่กระจายมาจาก’เนี่ยลี่’นั้นเป็นพลังที่ได้รับการกลั่นมาเรียบร้อยแล้วยิ่งทำให้ง่ายต่อการดูดซึมอีกด้วย

พรรคพวก’เนี่ยลี่’ดูดซึมพลังทุกๆอย่างกระหน่ำเท่าที่จะสามารถทำได้ และระดับพลังวิญญาณของพวกเขาก็เพิ่มขึ้นอย่างประจักษ์ชัดเจน

วันแรกหลังจากเริ่มการทำงานของข่ายมนต์นี้ ช่างผ่านไปอย่างรวดเร็วยิ่ง พลังวิญญาณของทุกคนนั้นเพิ่มขึ้นอย่างน้อยก็ระดับ 1 ดาวและยังจะไม่มีสัญญาณว่าจะหยุด

ทั้ง’ลอร์ดเอียมัว’และ’เอียเซิ่ง’ ต่างก็รู้สึกได้ถึงระลอกคลื่นพลังออร่าที่แปลกประหลาดในคฤหาสน์ของเจ้าเมือง จึงได้โดดมาอย่างเร็วที่ลานฝึกของ’เอียจืออวิ้น’ และได้เห็นข่ายมนต์ขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยออร่าที่น่าเกรงขามและมากมายมหาศาลกักอยู่ในข่ายนั้น ทำให้ทั้งคู่ตกตะลึง (ระดับคู่ที่แกร่งที่สุดของเมือง ยังตะลึงได้)

“พวกเด็กๆนั่นทำอะไรกัน?”

‘ลอร์ดเอียมัว’เอ่ยเบาๆพร้อมขมวดคิ้วจนย่น พร้อมทั้งรู้สึกได้ถึงพลังที่มากมายและน่าเกรงขามในนั้น

‘เอียเซิ่ง’ มองไปที่เนี่ยลี่และพวกก็รู้สึกตกตะลึงอยู่ในใจและเอ่ยว่า ” เจ้าเนี่ยลี่อาจจะได้ข่ายมนต์ปริศนามาจากที่ใดซักแห่ง และด้วยออร่าที่หนาแน่นเช่นนี้ พวกเขาน่าจะกำลังฝึกบ่มเพาะพลังวิญญาณอยู่ “

รูปแบบของอักขระของข่ายมนต์นั้นช่างลึกลับเป็นปริศนายิ่งนัก แม้แต่ลอร์ดเอียมัวเองยังมิอาจเข้าใจอักขระใดในข่ายมนต์นั้นได้เลย บางครั้งบางเวลาเอง ลอร์ดเอียมัวก็ยังรู้สึกว่าตัวตนอัตลักษณ์ของเนี่ยลี่นั้นช่างลึกลับซับซ้อนมากขนาดเขาเองยังไม่อาจอ่านทะลุได้ทั้งหมด

แต่อย่างไรก็ตามหลังจากได้ยินจาก’เอียเซิ่ง’เล่าว่า’เนี่ยลี่’นั้นเป็นศิษย์ของมีอาจารย์ปริศนาท่านหนึ่ง ‘ลอร์ดเอียมัว’จึงรู้สึกผ่อนคลายลง แม้ว่าเขาจะมีความหยั่งรู้ถึงออร่าอันทรงพลังได้ แต่ก็ยังไม่อาจทราบได้ว่าอาจารย์ของ’เนี่ยลี่’นั้นอยู่ ณ ที่ใด และ อาจารย์ของ’เนี่ยลี่’อาจจะเป็นยอดยุทธสุดยอดเลยที่เดียว

วันที่หนึ่ง , วันที่สอง , วันที่สาม ผ่านไป

‘เนี่ยลี่’และพรรคพวกได้อยู่ในข่ายมนต์ฝีกฝนบ่มเพาะพลังและยังไม่มีสัญญาณใดๆบ่งบอกที่จะหยุด จากการบำรุงบ่มเพาะเลี้ยงพลังจาก พลังวิญญาณและพลังสัจธรรม ‘เนี่ยลี่’และพวกจึงไม่รู้สึกหิว
และดุจดั่งเข้าสู่การระดับบ่มเพาะพลังสภาวะอนัตตา (สภาพไร้ตัวตน ไร้ความทุกข์ทั้งหลาย ไม่ต้องกิน ไม่ต้องนอน)

เมื่อถึงวันที่ห้า ‘เนี่ยลี่’ได้เพิ่มระดับพลังจาก ระดับแบล็คโกลด์ 1 ดาวขึ้นสู่ระดับแบล็คโกลด์ 2 ดาว ระดับความเข็งแกร่งของแพนด้าเขี้ยวอสูรที่พัฒนาเพิ่มขึ้นอย่างน่าตื่นตระหนกขึ้นอีกหลัง

จากที่เข้าสู่ระดับแบล็คโกลด์ 5 ดาวพลังเพิ่มอย่างทันทีทันใดและเข้าใกล้ระดับตำนานเข้าไปอีก

ณ เวลานี้ แพนด้าเขี้ยวอสูรได้กลืนกินจิตวิญญาณอสูรระดับแบล็คโกลด์ หลายร้อยดวงแล้ว

‘เนี่ยลี่’นั้นเริ่มรับรู้ได้ลางๆแล้วว่าแพนด้าเขี้ยวอสูรกำลังเริ่มต่อต้านและกำลังจะไม่เชื่อฟังคำสั่งของเขาอีกต่อไป

ถ้าความแข็งแกร่งของอสูรที่ผสานจิตนั้นแข็งแกร่งมากมายเกินกว่าร่างทรงอสูรแล้ว อสูรที่ผสานจิตนั้นอาจจะสามารถแยกตัวออกจากร่างกายของร่างทรงอสูรได้

ถ้ามันยังคงดูดกลืนจิตอสูรมากต่อเนื่องไปมากกว่านี้อีก มันจะกลายเป็นผลกระทบด้านลบแทน อย่างไรก็ตาม’เนี่ยลี่’ก็ยังไม่ปารถนาจะหยุดมัน เพราะแพนด้าเขี้ยวอสูรในพลังระดับแบล็คโกลด์ นั้นยังไม่เพียงพอสำหรับอันตรายทั้งหลายที่กำลังจะเผชิญหน้า

ทันใดนั้น ‘เนี่ยลี่’จึงหวนนึกถึงก้านต้นอ่อนของพลังที่อยู่ในขอบเขตวิญญาณของเขานั้น (ยังจำกันได้ไหมครับ ต้นอ่อนที่เติบโตขี้นภายในขอบเขตจิต วิญญาณเนี่ยลี่หลังจากที่ได้ค้นพบคำปริศนา 10 คำของพลังแห่งจักรพรรดิ์หมิง )

เถาต้นอ่อนแห่งจิตนั้นได้เชื่อมต่อประสานทั้งแพนด้าเขี้ยวอสูรและจิตอสูรเงาพราย เขาจะสามารถที่จะเสริมความแข็งแกร่งในการประสานเชื่อมต่อของพลังและข่มพลังแพนด้าเขี้ยวอสูรได้ไหม? .

เพื่อจะให้แพนด้าเขี้ยวอสูรเก็บรวบรวมพลังงานมากพอเพื่อจะบรรลุพลังข้ามไปสู้ระดับตำนานได้

หลังจากคิดเพียงตรองได้ชั่วครู่ ‘เนี่ยลี่’ก็ลงมือทันที ‘เนี่ยลี่’ถ่ายพลังวิญญาณและพลังสัจธรรม ที่ได้ดูดซับมาจากภายนอกกายเข้านั้น เข้าไปสู่เถาต้นอ่อนแห่งจิต และก็ได้เห็นเลยว่าเถาต้นอ่อนแห่งจิตวิญญาณนั้นได้ดูดซับพลังทั้งสองอย่างบ้าคลั่ง จากนั้นก็ได้เติบโตขึ้นใหญ่ขึ้นและหยุดการต่อต้านขัดขืนของแพนด้าเขี้ยวอสูรได้อย่างมั่นเหมาะ

แพนด้าเขี้ยวอสูรก็ขัดขืนดิ้นรอต่อสู่อย่างต่อเนื่องเพื่อพยายามเป็นอิสระจากการคุมขังนี้ แต่ไม่ว่าจะพยายามซักเท่าไร แพนด้าเขี้ยวอสูรก็มิอาจเป็นอิสระได้ พฤกษาแห่งจิตที่ควบคุมแพนด้าเขี้ยวอสูรนี้แข็งแกร่งกว่ามาก

แพนด้าเขี้ยวอสูรจึงหยุดขัดขืนและเริ่มดูดซับจิตอสูรต่อไปให้มากขึ้นอีก เพื่้อรอโอกาสที่จะโจมตีกลับอีกครั้ง

ในเวลาต่อมา ‘เนี่ยลี่’ก็สามารถกลับมาบังคับควบคุมแพนด้าเขี้ยวอสูรได้อีกแต่เขาจะต้องเพิ่มความรอบคอบให้มากขึ้นอีกในอนาคต เพราะการขัดขืนเป็นปฏิปักษ์ ของอสูรที่ผสานจิตนั้นอันตรายมาก

หลังจากการดูดซับจิตอสูรหลายหมื่นดวง แม้ว่าแพนด้าเขี้ยวอสูรจะดูดซับพลังได้เพียงบางส่วนน้อยนั้น แต่ก็มีปริมาณที่มากพอจะส่งผลให้มันเติบโตขึ้นแข็งแกร่งขึ้นอีกหลายสิบเท่า ทั้งยังถึงที่สุดของขีดจำกัดพลัง ระดับแบล็คโกลด์ 5 ดาวแล้ว อย่างไรก็ตามการที่จะข้ามไปสู้ระดับพลังขั้นตำนานนั้นมิใช้เรื่องง่ายเลย

‘เนี่ยลี่’และพรรคพวกก็ยังทำการบ่มเพาะพลังต่อไปอีก ข่ายมนต์นี้สามารถปฏิบัติใช้งานได้ต่อไปประมาณสองเดือน

ในขณะที่’เนี่ยลี่’และพรรคพวกใจจดจ่ออยู่กับการบ่มเพาะพลังนั้นมีเมฆดำทมิฬปรากฏขึ้นเหนือเมืองกลอรี่ในบัดดล

ความรู้สึกกดดันอันหนักอึ้งนั้นปกคลุมไปทั้งเมือง

มีผู้เชี่ยวชาญยุทธหลายสิบนั้นยืนอยู่บนฝากฟ้าและการปรากฏตัวแตกต่างจากมนุษย์ทั่วไป พวกเขาเหล่านั้นต่างมีปีกสีดำดุจขี้เถ้าเป็นมีลักษณะเด่นที่อัปลักษณ์ ผู้นำมานั้นเป็นผู้มีความแข็งแกร่งระดับตำนาน

“ที่นี่คืนเมืองกลอรี่ที่เจ้าเด็กนั่น เอียฮั่น พูดถึงงั้นหรือ? มั่นใจได้เลยว่าเมืองนี้มันมีความเจริญรุ่งเรืองเฟื่องฟูมากกว่าเมืองศิลาทมิฬของพวกเราเสียอีก ช่างเป็นที่ที่ดีอะไรเช่นนี้แถมยังไร้ผู้เชี่ยวชาญยุทธอยู่รอบๆอีก สวรรค์ ช่างเป็นใจให้ข้ายิ่งนัก เหมือนว่าที่นี่จะต้องตกเป็นของตระกูลอสูรสาบเป็นแน่แท้”

ผู้นำนาม ‘หวู่หมั่น’ ก็หัวเราะขึ้น เสียงหัวเราะนั้นน่าขนพองสยองเกล้าดังตลอดทั่วทั้งท้องฟ้า

วู๊ช วู๊ช วู๊ช

มีอีกหลายคนบินขึ้นมา, ผู้นำหนึงนั่นคือ’ลอร์ดเอียมัว’ ออร่าที่เปล่งออกมานั้นมิได้ด้อยกว่าผู้เชี่ยวชาญตระกูลอสูรสาบเลย แถม’ลอร์ดเอียมัว’ยังมีพลังสัจธรรมไหลเวียนอยู่ในร่างอีก

“เหล่าสหายทั้งหลาย จากตระกูลอสูรสาบ หากพวกท่านมาในฐานะแขกที่เมืองกลอรี่ของข้า ข้านั้นพร้อมที่จะต้อนรับท่านเป็นแน่แท้ แต่หากท่านมาเพื่อสร้างปัญหาแล้วละก็ อย่าตำหนิข้าในความไม่สุภาพและมิอาจให้ท่านนั้นได้กลับออกไปภายหลัง”

เสียงประกาศของ’ลอร์ดเอียมัว’นั้นเป็นดังคลื่นกระจายทั่วท้องฟ้า

‘ลอร์ดเอียมัว’สัมผัสพลังได้ว่าท่ามกลางกลุ่นคนเหล่านี้ มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่เป็นนักสู้ระดับตำนาน พวกที่มาที่นี้ อาจมาเพียงแค่ดูลาดเลาตรวจสอบดูก่อนเท่านั้น ส่วนกองทัพหลักของตระกูลอสูรสาบคงจะยังอยู่อีกห่างไกล

‘หวู่หม่น’ขมวดคิ้ว จากตามข้อมูลที่’เอียฮั่น’บอก มีนักสู้ระดับตำนานเพียงสองคนในเมืองกลอรี่เท่านั้น หนึ่งนั้นเพิ่งจะเลื่อนระดับมาเป็นระดับตำนานไม่นานมานี้ ส่วนอีกคนนั้นลึกลับเป็นปริศนามากและแทบจะไม่ปรากฎตัวออกมาเลย

แม้แต่’เอียฮั่น’เองก็แทบจะไม่ได้เห็นเขานัก ดังนั้น’หวู่หมั่น’คิดว่าคนที่มาอยู่ ณ เบื้องหน้าคนนี้คืนคนแรกที่เพิ่งเลื่อนระดับสู่ตำนาน แต่’หวู่หมั่น’หาได้รู้ไม่ว่าชายแก่ตรงหนัานี้ จะสามารถเข้าถึงซึ่งพลังสัจธรรมด้วย

‘หวู่หมั่น’นั้นเองก็นักสู้ระดับสูงสุดของระดับตำนาน และยังได้สัมผัส ณ เขตแดน พลังของระดับเซียนแล้ว เป็นธรรมดาที่เขาไม่จำเป็นต้องกลัวใคร

“หากท่านต้องการเชิญข้าในฐานะแขก เช่นนั้นพวกข้าคงจะต้องขอยลว่าท่านจะสามารถทำเช่นดังกล่าวหรือไม่ ดังให้ข้าได้ทดสอบพลังวัตรของท่านเช่นไรไงล่ะ “

‘หวู่หมั่น’ตะโกนกล่าวแล้วพร้อมยกมือขึ้นรวบ
รวมออร่าแห่งความมืด แล้วเปลี่ยนเป็นรัศมีกระบี่พร้อมทั้งฟันตรงไปยัง’ลอร์ดเอียมัว’

‘ลอร์ดเอียมัว’ได้ผสานรวมร่างกับจิตวิญญาณอสูรทันที อสูรที่’ลอร์ดเอียมัว’ผสานด้วยนั้นคือวิหกพิสุทธิ์สววรค์ ( Heavenly Saint Bird ) เมื่อผสานในพลันก็มีปีกสีทองงอกออกมาจากหลังของ’ลอร์ดเอียมัว’ และเขาบินพุ่งตรงไปยัง’หวู่หมั่น’ทันที

บูม บูม บูม

รัศมีดาบทมิฬแตกระเบิดกระจายเป็นการระเบิดกันน่าตื่นตระหนกเกิดขึ้นบนท้องฟ้า พร้อมกันนั้นยังปรากฎกายคนสีดำและสีทองต่อสู้กันอย่างเมามันโกลาหลบนฟากฟ้า อีก การต่อสู่ของต่างฝ่ายนั้นเร็วขึ้นและเร็วมากขึ้นไปอีก เร็วมากจนเกิดภาพติดตาเลยทีเดียว
คลื่นพลังงานอันทรงพลังนั้นกระจัดกระจายไปโดยรอบบริเวณนั้นช่างรุนแรงนักประดุจดั่งว่าพวกเขากำลังจะแหวก แหกท้องฟ้าให้เปิดออกได้เช่นนั้น

นี่คือการประลองระหว่างระดับสูงสุดของระดับตำนาน 2 คน

ในระหว่างการประลองนั้นพวกเขาได้สัมผัสถึงพลังแห่งสัจธรรมที่ต่อต้านกันและกัน แม้ว่า’หวู่หมั่น’นั้นยังไม่สามารถหยั่งรู้พลังแห่งสัจธรรมและระดับเซียนแต่ได้สัมผัสขอบเขตระดับเซียนแล้ว แต่ทว่าสำหรับ’ลอร์ดเอียมัว’ นั้นเข้าระดับเซียนไปไกลกว่า’หวู่หมั่น’อีกหนึ่งขั้น

บูม

มีเสียงการระเบิดที่ทรงพลังเกิดขึ้นมาและพร้อมกันนั้น’หวู่หมั่น’กระเด็นลอยออกมาพร้อมกับเลือดที่มุมปาก ‘ลอร์ดเอียมัว’ถอยหลังไป สองสามก้าวพร้อมกับหายใจเหนื่อย

“ข้าไม่นึกเลยว่าท่านนั้นแกร่งกว่าข้าทั้งๆที่เราทั้งคู่นั้นก็เป็นสูงสุดระดับตำนานเหมือนกันแท้ๆ “

‘หวู่หมั่น’กล่าว พร้อมกับความคิดที่มิมีแม้สักนิดที่จะยอมถอนตัวขณะที่จ้องมอง’ลอร์ดเอียมัว’อย่างเย็นชา

“ถึงแม้ที่นี่จะมีนักสู้ระดับตำนานแต่แค่สองคน เท่านั้น ก็ยังมิอาจต้านตระกูล(หวู่กุ้ย) อสูรสาบ ของข้าได้หรอก ตระกูลของข้ามีนักสู้ระดับเซียนถึง สามคน และระดับตำนานอีกนับสิบ เมื่อใดที่ทัพข้ามาถึงที่นี่ ทั้งเมืองจะต้องราบเป็นหน้ากลอง แต่ตอนนี้ข้าจะให้โอกาสเจ้าสักครั้ง หากเจ้ายอมศิโรราบและยกเมืองอยู่ใต้อาณัติการปกครองของตระกูลข้าแลัว ข้าจะละเว้นชีวิตพวกเจ้า”

“ฮึ่ม มันไม่ง่ายนักหรอกนะที่จะทำลายเมืองกลอรี่ของข้า หากตระกูลเจ้าต้องการมาเช่นการนั้น ก็จักมา”

‘ลอร์ดเอียมัว’กล่าวพร้อมท่าทีเย็นชา เขาปล่อยออร่าที่กร้าวแกร่งมากกว่าก่อนหน้านี้เสียอีกเป็นกระแสพลังดั่งสายธารที่โหมกดดันไปยัง’หวู่หมั่น’

“ถ้าเป็นเช่นนั้น อย่าหาว่าข้าหยาบคายก็แล้วกัน”

เสียงผิวปากแหลมสูงออกมาจากปาก’หวู่หมั่น’

จากป่าภูเขาระยะไกล

วู๊ช วู๊ช วู๊ช

เงาร่างดำจำนวนนับไม่ถ้วนบินมายังทางเมืองกลอรี่ เงาเหล่านี้ปกคลุมท้องฟ้าดังฝูงต๊กแตน

หลังจากที่เห็นภาพนี้ ‘ลอร์ดเอียมัว’นั้นก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยพร้อมหันไปสบตาส่งสัญญาณกับ’เอียเซิ่ง’ ‘เอียเซิ่ง’พยักหน้าพร้อมกับบินตรงไปยังค่ายกลหมื่นอสูรทันที เพื่อเตรียมพร้อมทำให้มันพร้อมใช้งาน

ในขณะเดียวกันนั้น ‘ลอร์ดเอียมัว’ก็เตรียมพร้อมจะอัญเชิญจิตเทพแห่งวายุเหมันต์ได้อยู่ตลอดเวลา

‘ลอร์ดเอียมัว’ก็ยังโจมตี’หวู่หมั่น’ไม่หยุด พายุหิมะเริ่มปกคลุมท้องฟ้าจนเริ่มกลายเป็นสีเทา

“แค่เจ้าเพียงผู้เดียวที่จักกล้าท้าทายกับตระกูลอสูรสาบของข้า ถึงเจ้าจะแข็งแกร่งแต่ก็ยังห่างไกลที่จะต่อกรข้าได้อย่างเท่าเทียม”

หลังจากเห็นเหล่าผู้สู้ระดับตำนานที่กำลังบินมาทางหวู่หมั่น ‘หวู่หมั่น’นั้นมีท่าทีอำมหิตขึ้น (กำลังใจมา) และระเบิดพลังอันทรงพลังออกมาจากร่างพร้อมเหวี่ยงหมัดตรงไปยัง’ลอร์ดเอียมัว’

มีแสงเปล่งจากดวงตาของ’ลอร์ดเอียมัว’ทันทีที่เร่งพลังสัจธรรมให้พรั่งพรูในร่าง เมื่อตอนที่’ลอร์ดเอียมัว’ได้ต่อสู้กับ’หวู่หมั่น’ก่อนหน้านี้ เขายังไม่ได้ใช้พลังเต็มที่ แต่เมื่อ’หวู่หมั่น’เรียกพรรคพวกมา ‘ลอร์ดเอียมัว’เข้าใจเลยว่าถ้าเขาไม่ฆ่า’หวู่หมั่น’ในตอนนี้จักไร้โอกาสในครั้งต่อไป

‘ลอร์ดเอียมัว’คำรามต่ำในคอพร้อมสร้างเสาน้ำแข็งจากหิมะจำนวนนับไม่ถ้วนและยิงไปยัง’หวู่หมั่น’

แม้จะเห็นฉากนั้น ‘หวู่หมั่น’นั้นไม่ได้รู้สึกหวาดหวั่นแม้นซักนิด เพราะเป็นหนึ่งในสมาชิกของตระกูลอสูรสาบแล้ว ‘หวู่หมั่น’มั่นใจในความแข็งแกร่งของร่างกายที่ทรงพลานุภาพนี้มาก ดั่งเป็นหนึ่งเผ่าพันธ์ที่ทรงพลังในการต่อสู้ด้วยแล้ว หวู่หมั่นจักกลัวเพียงแค่มนุษย์คนหนึ่งได้เช่นไร

ตูม ตูม ตูม

เสาน้ำแข็งระดมยิงไปยังร่าง’หวู่หมั่น’ จนระเบิดและกลายเป็นเกล็ดหิมะไป

“เจ้าเฒ่าเอ๊ย เจ้าจะสู้กับข้าด้วยการโจมตีเบาๆเช่นนี้หรือ ?”

‘หวู่หมั่น’ปล่อยหมัดตรงไปยังลอร์ดเอียมัว

จบตอนแล้วจ้า

ที่มา : 

ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments