I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Tales of Demons & Gods (妖神记) ตอนที่ 217 ตำแหน่งผู้นำพันธมิตร

| Tales of Demons & Gods (妖神记) | 23278 | 2528 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

แม้ว่ามันเกิดรอยแตก แต่ไข่ก็ยังไม่ได้ฟักออกมา วังน้ำวนแปลกประหลาดในไข่ใบนั้นดูดซับพลังสัจธรรมอย่างต่อเนื่องโดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุด

‘เนี่ยหลี่’รู้สึกได้ว่าพลังสัจธรรมที่อยู่รอบ ๆ ถูกดูดซับจนเหือดแห้ง แต่มันก็ยังไม่เพียงพอ ต่อจากนั้นมันก็เริ่มดูดซับพลังแห่งสัจธรรมในร่างของเขา เมื่อรู้สึกได้เช่นนี้’เนี่ยหลี่’รีบดึงพลังแห่งสัจธรรมของเขากลับ

“เจ้าสหายตัวนี้ช่างตะกละจริง ๆ!”

‘เนี่ยหลี่’พูดอย่างท้อถอย แม้ว่ามันจะดูดซับพลังแห่งสัจธรรมไปเป็นจำนวนมากมันก็ยังไม่ฟักซะที

“พลังแห่งสัจธรรมของเจ้ายังไม่เพียงพอที่จะฟักมันได้”

‘ยู่หยาน’พูดขณะที่หล่อนส่ายหัว ไข่ที่ยังไม่ฟักใบนี้สามารถดูดซับพลังแห่งสัจธรรมได้มากมายมหาศาล แต่นั่นก็ยังไม่เพียงพอ นับว่าไข่ใบนี้ช่างไม่ธรรมดาจริง ๆ

แม้ว่าไข่ใบนี้จะยังไม่ฟักแต่’เนี่ยหลี่’ก็สัมผัสได้ราง ๆ ว่ามีหัวใจกำลังเต้นอยู่ภายในนั้น เมื่อพลังแห่งสัจธรรมได้ถูกประจุเข้าไปในไข่ใบนั้น การเต้นของหัวใจในไข่ใบนั้นก็เริ่มเต้นแรงขึ้นเรื่อย ๆ นอกจากนั้นมันยังสร้างความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับเนี่ยหลี่มากยิ่งขึ้นกว่าเดิมด้วย

มันดูเหมือนว่าจะใช้เวลาฟักอย่างช้า ๆ มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะฟักไข่ใบนี้ในคราเดียว

ถึงแม้ว่า’ยู่หยาน’จะมีพลังแห่งสัจธรรมเพียงพอ แต่เขาก็ตัดสินใจแล้วว่าเขาจะฟักไข่ใบนี้ด้วยตัวเอง สรุปว่าพลังแห่งสัจธรรมของเขาเองจะช่วยให้เขาสร้างสัมพันธ์กับไข่ใบนั้น

ขณะที่’เนี่ยหลี่’กำลังศึกษาถึงอักขระที่จารึกอยู่บนไข่ใบนั้น ‘เอียหยาน’ก็ร่อนลงมาบนไหล่ของ’เนี่ยหลี่’

“บรรพชนผู้ก่อตั้งเอียหยานท่านไปไหนมา? ข้าไม่ได้พบท่านมาเป็นเวลานานแล้ว”

‘เนี่ยหลี่’พูดในขณะที่มองดู’เอียหยาน’

“ในช่วงที่เจ้าจากไปนั้นเมืองกลอรี่เกือบจะล่มสลายแล้ว!”

“เข้าได้เฝ้ามองจากที่ที่ห่างไกลออกไป เมื่อตระกูลหวู่กุ้ยโจมตีเมืองกลอรี่นั้น พวกตระกูลหวู่กุ้ยยังคงไม่สามารถจะทำอะไรเมืองกลอรี่ได้ ในเวลาอันสั้นนี้ ข้าได้เดินทางไปทั่วเมืองนรกและได้พบกับข่าวดีอะไรบางอย่าง เนี่ยหลี่เจ้าอยากรู้รึเปล่า?”

‘เอียหยาน’ถามอย่างมีจุดมุ่งหมาย

“ข่าวอะไรอย่างนั้นหรือ?”

‘เนี่ยหลี่’ถาม

“รีบ ๆ บอกมาเถอะ ไม่มีใครว่างเช่นท่านหรอก”

‘ยู่หยาน’พูดในขณะที่คิ้วของนางขมวดเล็กน้อย

“แม่นางน้อย เจ้าต้องอดทนเมื่อฟังคนอื่นพูด อย่างไรก็ตามข้าอยู่มานานว่าพันปี เจ้าจะต้องให้ความเคารพผู้อาวุโสเข้าใจไหม?” เอียหยานพูด เขาชำเลืองมองไปที่ยู่หยานและเห็นร่างที่เล็กจิ๋วของนางโดยที่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรผิดปกติขึ้นกับนาง มันไม่เป็นไรหากเนี่ยหลี่จะไม่เคารพเขาแต่ถ้าแม้กระทั่งเด็กผู้หญิงก็ยังไม่เคารพเขานั่นก็คงจะเป็นสิ่งที่เขาไม่สามารถอดทนได้ “เนี่ยหลี่เจ้าไปลักพาตัวแม่นางน้อยผู้นี้มาจากไหน?”

ได้ยินคำพูดของ’เอียหยาน’แล้ว ‘เนี่ยหลี่’ทำหน้าแปลก ๆ เมื่อเขาเห็น’ยู่หยาน’แสดงออกทางสีหน้าของนาง แบบนี้ไม่ดีแน่ เขารีบพูด

“บรรพชนผู้ก่อตั้งเอียหยาน ข้าลืมแนะนำท่าน นี่คือเทพธิดายู่หยาน เพราะว่าร่างศักดิ์สิทธิ์ของนางแตกเป็นเสี่ยงและร่างกายภาพของนางถูกทำลายไป นางจึงฟื้นฟูร่างศักดิ์สิทธิ์เล็ก ๆ นี้ขึ้นมา และตอนนี้ระดับของนางคือระดับตำนาน เมื่อนางก้าวไปสู่ขั้นสุดยอดนางก็จะเป็นเทพแห่งวิญญาณซึ่งห่างไกลจากระดับตำนานมาก! นอกจากนั้นข้าลืมบอกท่านไปว่า นางอยู่มาเป็นเวลานานมากกว่าหมื่นปีแล้ว…”

“แค่ก แค่ก”

‘เอียหยาน’ไอออกมาด้วยความกระอักกระอ่วนและมอง’เนี่ยหลี่’

“ทำไมเจ้าไม่บอกข้าตั้งแต่แรก?!”

หนึ่งพันปีเมื่อเทียบกับคนที่อยู่มานานมากว่าหมื่นปีทำให้เขารู้สึกไม่ต่างอะไรกับเด็กทารก เขาเรียกเธอว่าแม่นางน้อยเสมอ นั่นทำให้เขารู้สึกกระอักกระอ่วน เขาไม่รู้ว่า’เนี่ยหลี่’ลักพาตัวเทพแห่งวิญญาณมาได้อย่างไร

ในเรื่องของเทพแห่งวิญญาณ ‘เอียหยาน’ไม่มีความรู้อะไรเกี่ยวกับพวกเขามากนัก ยกเว้นเรื่องที่ว่าพวกเขาปรากฏตัวในเทพนิยายเท่านั้น ไม่มีใครรู้ว่าพวกเขาเป็นตัวจริงหรือตัวปลอม อย่างไรก็ตามเขารู้ว่าเมืองกลอรี่มีเศษเสี้ยวของพลังชีวิตเทพแห่งวิญญาณอยู่และนั่นคือสมบัติที่ทรงอำนาจมาก

“รีบบอกมา!”

‘ยู่หยาน’เรียกร้องมาในขณะที่นางโบกมือ ‘เอียหยาน’ไม่กล้าโต้เถียงผู้อาวุโสที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขา ใบหน้าของ’เอียหยาน’เปลี่ยนเป็นสีหน้าเคร่งขรึมและพูดอย่างเครียด ๆ

“ท่านเจ้าแห่งนรกเตรียมการคัดเลือกสาวก เมื่อได้เป็นสาวกแล้วก็จะมีโอกาสครอบครองเมืองนรกและได้รับการสืบทอดตำแหน่งจากเขาด้วย เหล่าผู้เยี่ยมยุทธระดับเซียนจากหลายตระกูลต่างก็เดินทางไปร่วมคัดเลือก สามผู้เยี่ยมยุทธระดับเซียน ของตระกูลหวู่กุ้ยก็เข้าร่วมการคัดเลือกด้วย ดังนั้นราว ๆ ครึ่งปีนี้ ตระกูลหวู่กุ้ยก็จะไม่โจมตีเมืองกลอรี่อีกต่อไป สรุปได้ว่าเมื่อเทียบเรื่องเมืองกลอรี่กับสิ่งที่ล่อใจอย่างเรื่องที่จะได้เป็นผู้สืบทอดตำแหน่งของจ้าวแห่งนรกเรื่องหลังดูจะเป็นเรื่องที่ใหญ่กว่า!”

“ผู้สืบทอดตำแหน่งจากจ้าวแห่งนรก?”

‘เนี่ยหลี่’ขมวดคิ้วเล็กน้อยแน่นิ่งคิดไปครู่หนึ่งก่อนที่จะพูด

“แล้วหากจะเป็นสาวกของเจ้าแห่งนรกจะต้องทำอย่างไร?”

“จากที่ข้าได้ยินมา คนที่ไปถึงระดับสูงสุดของดินแดนมรณะเก้าชั้นจะได้พบกับเจ้าแห่งนรก” เอียหยานพูด “มันพูดได้ว่าผู้เยี่ยมยุทธระดับที่สูงกว่าระดับแบล็กโกลด์ทั่วอาณาจักรนรกต่างก็เดินทางไปที่ดินแดนมรณะเก้าชั้น นั่นรวมไปถึงจอมมารและหลงชาแห่งสมาคมทมิฬด้วย!”

กระทั่งจอมมารแห่งสมาคมทมิฬก็ยังมุ่งหน้าไปที่ดินแดนมรณะเก้าชั้นด้วยรึ? นี่เป็นเรื่องที่พิสูจน์ได้ว่าพวกเขาให้ความสำคัญกับตำแหน่งนี้มากแค่ไหน

“เนื่องจากคุณสมบัติขั้นต่ำคือระดับแบล็คโกลด์ ถ้าอย่างนั้นเราก็สามารถไปทดสอบดูได้สิ”

‘เนี่ยหลี่’พูดขึ้นหลังจากนิ่งคิดไปครู่หนึ่ง

‘เอียหยาน’มอง’เนี่ยหลี่’และพูดขึ้นว่า

“เจ้าเด็กเหลือขอเนี่ยหลี่ นี่เจ้าคิดจะไปจริง ๆ รึ?”

“แล้วนี่ไม่ใช่จุดประสงค์ที่ท่านบอกข่าวนี้ให้ข้ารับรู้หรอกหรือ?”

‘เนี่ยหลี่’กลอกตาไปที่เอียหยาน เขานิ่งคิดไปครู่หนึ่ง ไม่ว่าจ้าวแห่งอาณาจักรนรกเป็นผู้เยี่ยมยุทธแบบไหน การที่คอยดูเหตุการณ์ก่อนย่อมจะถูกต้องเสมอ

เมื่อถูก’เนี่ยหลี่’มองออก ‘เอียหยาน’ก็ได้แต่ยิ้มอย่างกระอักกระอ่วนและพูด

“ตั้งแต่จ้าวแห่งอาณาจักรนรกได้คัดเลือกสาวกมานั้น เขาไม่ได้คัดเลือกคนที่มีความแข็งแกร่งมากที่สุด แต่หากเป็นคนที่มีพรสวรรค์สูงที่สุด แค่เหตุผลนี้มันก็เป็นผลดีต่อเจ้าแล้ว! ตราบเท่าที่เจ้าสามารถเป็นสาวกของจ้าวแห่งนรกได้ จะยังมีใครกล้าแตะต้องเมืองกลอรี่ในอนาคตอีก?”

ได้ยินคำพูดของ’เอียหยาน’ ‘เนี่ยหลี่’ผงกหัว นี่เป็นทางออกทางเดียวจริง ๆ

‘ยู่หยาน’จมอยู่ในความคิดของนางชั่วขณะ แม้ว่าจ้าวแห่งนรกจะเป็นเทพแห่งวิญญาณที่เป็นปริศนา ไม่มีใครรู้เรื่องราวเกี่ยวกับเขา แต่อย่างไรก็ตามจุดหนึ่งที่สามารถพูดได้คือ ครั้งหนึ่งเขามีท่าทีต่อต้านเผ่าพันธุ์สัตว์อสูรจากเผ่าพันธุ์มนุษย์

“เนี่ยหลี่ ข้าจะเดินไปที่ดินแดนมรณะเก้าชั้นกับเจ้า”

‘ยู่หยาน’พูดด้วยความช่วยเหลือของเทพธิดายู่หยาน การเดินทางครั้งนี้จะต้องปลอดภัยมากขึ้นอย่างแน่นอน

หลังจากตัดสินใจว่าเดินทางไป ‘เนี่ยหลี่’ก็ได้เตรียมคนที่จะเดินทางไปไปยังดินแดนมรณะเก้าชั้นกับเขา คนแรกที่เขาคิดเอาไว้คือ’ต้วนเจี้ยน’ ด้วยร่างกายที่แข็งแกร่งของต้วนเจี้ยน หากว่าเขาต้องเผชิญหน้ากับอันตรายอะไรที่จะเกิดขึ้น เขาจะสามารถปกป้องตัวเขาเองได้ สำหรับส่วนที่เหลือเขาไม่แน่ใจว่าจะนำพาพวกเขาไปด้วยดีหรือไม่

‘เนี่ยหลี่’บอกให้ต้วนเจี้ยนให้เดินทางไปกับเขา

“ต้วนเจี้ยนเจ้าจะเดินทางไปยังดินแดนมรณะเก้าชั้นกับข้าหรือไม่?”

‘เนี่ยหลี่’ถามและมองไปที่’ต้วนเจี้ยน’

‘ต้วนเจี้ยน’คุกเข่าลงและพูด

“ไม่ว่านายท่านจะเดินทางไปยังสถานที่แห่งใด ต้วนเจี้ยนจะตามนายท่านไปทุกหนทุกแห่ง แต่ต้วนเจี้ยนมีเรื่องอยากจะขอร้องนายท่าน”

“ลุกขึ้นก่อนแล้วค่อยพูด เจ้าต้องการอะไร?”

“ก่อนที่จะเดินทางไปยังดินแดนมรณะเก้าชั้น ข้าหวังเอาไว้ว่าข้าจะต้องไปตัดหัวของของซิคงอวี้เป็นการส่วนตัว” ตาของต้วนเจี้ยนทอประกายเย็นเยียบอย่างน่ากลัว เมื่อใดที่ความแค้นได้รับการชำระ ต่อให้เขาต้องตายด้วยการต่อสู้ในอนาคตเขาก็จะไม่เสียใจ”

‘เนี่ยหลี่’นิ่งคิดไปครู่หนึ่ง แม้ว่า’ซิคงอวี้’จะเป็นผู้เยี่ยมยุทธระดับตำนาน แต่ด้วยความแข็งแกร่งของ’ต้วนเจี้ยน’ในเวลานี้ก็เพียงพอที่จะเผชิญหน้ากับ’ซิคงอวี้’ได้แล้ว และการเดินทางไปกลับอาณาจักรคุกอเวจีก็คงจะใช้เวลาไม่กี่วัน เขาขมวดคิ้วและพูด

“ถ้าอย่างนั้นข้าก็จะเดินทางไปอาณาจักรคุกอเวจีเป็นเพื่อนเจ้า!”

ในส่วนเรื่องของการหมั้นหมาย ตามมารยาทแล้ว’เนี่ยหลี่’กับ’เอียจืออวิ้น’จะไม่ได้รับอนุญาตให้มีส่วนร่วมในการจัดงาน ดังนั้น’เนี่ยหลี่’จึงไม่มีเรื่องใดมารบกวนจิตใจ

“ขอบคุณนายท่าน!”

ประกายตาของต้วนเจี้ยนเต็มไปด้วยความสำนึกในบุญคุณ เขาเฝ้ารอคอยวันนี้มานาน จากช่วงเวลาที่พ่อแม่ของเขาถูกฆ่าเป็นต้นมา เขาก็ได้แต่เฝ้าคิดถึงแต่เรื่องของการล้างแค้น

ณ อาณาจักคุกอเวจี

หลังจากตระกูลปีกสีเงินประสบความกับหายนะด้วยน้ำมือของ’เนี่ยหลี่’และพรรคพวกมาเป็นเวลานาน ตระกูลปีกสีเงินก็อยู่ในสถานการณ์ฉุกเฉิน พวกเขาถูกตระกูลอื่น ๆ กดขี่ข่มเหง แต่เดิมนั้นตระกูลอื่นในอาณาจักรคุกอเวจีต่างก็คิดว่าตระกูลปีกสีเงินจะไม่สามารถกลับมามีอำนาจได้อีก พวกเขาไม่ได้คาดคิดว่าอยู่อยู่การบ่มเพาะพลังของ’ซิคงอวี้’จะเพิ่มขึ้น

นอกจากนั้น’ซิคงอวี้’ยังส่งจดหมายไปถึงเหล่าผู้อาวุโสที่เป็นพันธมิตรกันเพื่อเรียกให้มาเข้าร่วมประชุมแต่งตั้งผู้นำพันธมิตรคนใหม่ถึงแม้พวกเขาจะไม่มั่นใจว่า’ซิคงอวี้’วางแผนอะไรไว้ แต่เหล่าผู้อาวุโสก็ยังมาเข้าร่วมการประชุม

สนามกลางเมืองเต็มไปด้วยสมาชิกจากหลายตระกูล ตระกูลปีกสีเงินได้เตรียมการให้ผู้เยี่ยมยุทธระดับโกลด์และระดับแบล็คโกลด์สวมใส่เสื้อเกราะที่ดูเป็นมาตรฐานและดูดีในสายตาของพวกเขา ซิคงอวี้และซิคงหงหยูอยู่ท่ามกลางการแวดล้อมคล้ายกับเป็นคนที่มีชื่อเสียง

ใบหน้าของ’ซิคงอวี้’ขาวซีด แต่อย่างไรก็ตามดวงตาของเขาก็ทอประกายเย็นเยียบเต็มไปรังสีแห่งการฆ่าฟัน

“ท่านพ่อ บาดแผลของท่าน…”

‘ซิคงอวี้’พูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม

“ข้าได้ใช้วิธีลับของตระกูลปีกสีเงิน ถึงแม้ว่าการบ่มเพาะพลังของข้าจะก้าวหน้า แต่อายุขัยของข้าก็เหลืออีกไม่มากนัก ข้าอาจจะมีชีวิตอยู่ได้อีกแค่ปีเดียว หงหยู พ่อจะยกตำแหน่งหัวหน้าของกลุ่มพันธมิตรให้เจ้าและจะช่วยเจ้ากำราบเจ้าเฒ่าพวกนี้ด้วย ข้าจะบังคับให้พวกมันกินยาเม็ดหัวใจอเวจี อย่างน้อยมันก็จะทำให้มั่นใจได้ว่าตระกูลปีกสีเงินอยู่รอดไปได้อีกหลายร้อยปี พ่อสามารถช่วยเจ้าได้เท่านี้ จากนั้นก็ต้องขึ้นอยู่กับเจ้าแล้ว!”

“ท่านพ่อ….”

ดวงตาของ’ซิคงหงหยู’คลอไปด้วยน้ำตา

“อย่าร้องไห้ เจ้าคือลูกสาวของข้า เจ้าจะร้องไห้ได้อย่างไร? ข้าซิคงอวี้ ได้ทำในสิ่งที่ข้าปรารถนามาตลอดชีวิต ฆ่าคนมานับไม่ถ้วนและมีวิญญาณพยาบาทอยู่ภายใต้ดาบของข้านับไม่ถ้วน หากในอนาคตข้าตกนรก ข้าจะกลายเป็นคนที่สามารถฆ่าภูตผีปีศาจและจะกลายเป็นอมตะ!”

ดวงตาของ’ซิคงอวี้’ทอประกายด้วยความโหดเหี้ยม

“ค่ะ ท่านพ่อ”

‘ซิคงหงหยู’ตอบรับหลังจากปาดน้ำตา

ตระกูลเพลิงศักดิ์สิทธิ์ ตระกูลหมาป่าเถ้า และเหล่าผู้เยี่ยมยุทธจากตระกูลอื่น ๆ ต่างก็มาปรากฏตัว เหล่าผู้อาวุโสจากหลายตระกูลต่างก็ยืนอย่างภาคภูมิ

จากสิบสามตระกูล ตระกูลที่มีผู้เยี่ยมยุทธระดับตำนานก็มีตระกูลปีกสีเงิน ตระกูลเพลิงศักดิ์สิทธิ์และตระกูลหมาป่าเถ้า สำหรับตระกูลอื่นเช่นตระกูลมังกรดำ พวกเขามีเพียงผู้เยี่ยมยุทธระดับแบล็คโกลด์ขั้นห้าดาว

ผู้อาวุโสของตระกูลเพลิงศักดิ์สิทธิ์ ‘หลี่เซี่ยว’พูดอย่างเย็นชา

“ซิคงอวี้ พวกเรารู้ว่าท่านวางแผนเรียกพวกเรามาประชุมที่นี่ แต่ด้วยสภาพของตระกูลปีกสีเงินในตอนนี้ ท่านไม่โอหังเกินไปหน่อยที่คิดว่าจะสามารถรับมือพวกเราทั้งหมดได้อย่างนั้นหรือ?”

‘หลี่เซี่ยว’สวมเสื้อผ้าสีขาวและยืนอย่างสุขุมเยือกเย็นดั่งภูผา ทำให้ทุกคนรู้สึกถึงความกดดัน ข้างกาย’หลี่เซี่ยว’มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งยืนอยู่ เด็กหนุ่มคนนั้นมีนามว่า’หลี่เฮิง’ เขาเป็นคนที่ขายมีดบินสามเล่มให้แก่’เนี่ยหลี่’

“หลี่เซี่ยว โม่หยาถึงแม้ว่าเจ้าทั้งสองจะอยู่ในระดับตำนานเช่นข้า แต่ตระกูลของเจ้าทั้งสองก็ยังไม่อาจเทียบเคียงกับตระกูลของข้าได้ ในสองถึงสามปีที่ผ่านมานี้สภาพแวดล้อมในอาณาจักรคุกอเวจียิ่งย่ำแย่ลงไปเรื่อย ๆ ข้ารู้สึกว่าพวกเราทั้งสิบสามตระกูลควรจะแต่งตั้งผู้นำกลุ่มพันธมิตรคนใหม่เพื่อนำพาพวกเราออกไปจากอาณาจักรคุกอเวจีแห่งนี้!”

‘ซิคงอวี้’พูดด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึม

“มันช่างเป็นเรื่องที่น่าขัน ซิคงอวี้บางทีท่านอาจจะรู้จักทางที่จะออกไปจากที่นี่?”

โม่หยาหัวเราะอย่างเย็นชา

“แน่นอนว่าข้ารู้ ตราบใดที่พวกท่านแต่งตั้งข้าเป็นผู้นำกลุ่มพันธมิตรคนใหม่ ข้าจะนำพาพวกท่านทั้งหมดออกไปจากอาณาจักรคุกอเวจีแห่งนี้”

‘ซิคงอวี้’กวาดสายตาไปทั่วแล้วพูด

“ข้าพบข่ายมนต์เคลื่อนย้ายซึ่งจะนำพาพวกเราออกไปจากอาณาจักรคุกอเวจี นอกจากนั้นข้ายังได้พบศิลาแห่งแสงที่จะใช้ทำการขับเคลื่อนข่ายมนต์ด้วย!”

จบตอน

แปลโดย XXX

 

ที่มา:

ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments