I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Tales of Demons & Gods (妖神记) ตอนที่ 221 ชิ้นส่วนที่สอง

| Tales of Demons & Gods (妖神记) | 23077 | 2529 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

‘เนี่ยหลี่’ก้าวหน้าอย่างรวดเร็วจนน่ากลัวยิ่งนัก พวกเขาต่างก็คิดว่า’เนี่ยหลี่’นั้นเป็นดังพญาอินทรีที่สยายปีกออกมา นั่งเป็นสิ่งที่พวกเขาไม่อาจจะที่ก้าวไปถึงจุดนั้นได้ในชีวิตของพวกเขา เมื่อจุดนี้ได้ มันก็เกินกว่าที่พวกเขาจะจินตนาการออกมาได้

“เนี่ยหลี่ พวกความรู้และประสบการณ์ของข้านั้น คงไม่อาจจะแนะนำแก่เจ้าได้อีกแล้ว”

‘เนี่ยไฮ้’เงียบไปชั่วขณะและพูดต่อออกมาว่า

“เหนือสิ่งอื่นใด เจ้านั้นมีฝีมือที่เยี่ยมยุทธ์ที่สุดในหมู่คนรุ่นเยาว์ของตระกูลบันทึกสวรรค์ ข้าไม่สามารถที่จะคาดว่าเจ้าจะขึ้นไปจนจุดไหนได้เลยในอนาคต ตั้งแต่ที่เจ้าได้ตัดสินใจที่จะออกไปสู่ภายนอกเพื่อฝึกฝน พวกเราเองก็ไม่ได้ห้ามปรามอะไรเจ้าไว้ เจ้าเองก็ได้เห็นสมบัติทุกสิ่งทุกอย่างที่ตระกูลเราเหลืออยู่และก็ไม่มีอะไรที่ทำให้เจ้าสนใจได้เลย ซึ่งข้าก็รู้สึกว่าของธรรมดาพวกนั้นไม่ได้น่าสนใจกับเจ้าอยู่แล้ว หากแต่ว่าของล่ำค่าเหล่านั้นได้ตกทอดมาในตระกูลบันทึกสววรค์ของเรามารุ่นแล้วรุ่นเล่าและมีเพียงผู้นำตระกูลเท่านั้นที่จะสามารถนำมันไปใช้ได้….”

ได้ยินคำพูดของ’เนี่ยไฮ้’ ‘เนี่ยหลี่’ก็ถึงกับงุนงง น่าประหลาดยิ่งนักที่อยู่ๆ’เนี่ยไฮ้’ก็พูดถึงอะไรบางอย่างที่ผู้นำตระกูลเท่านั้นที่มีได้?

กระทั้ง’เนี่ยอิง’ก็มอง ‘เนี่ยไฮ้’ด้วยความงุนงงด้วยเช่นกันและรู้สึกตกใจกับสิ่งที่’เนี่ยไฮ้’พูดออกมา

“กระทั้งเนี่ยอิงและคนอื่นๆก็ไม่รู้วิธีใช้เจ้าสิ่งนี้และตัวข้าเองก็ไม่ได้ความรู้เกี่ยวกับการใช้เจ้าสิ่งนี้เลยแม้แต่น้อย”

‘เนี่ยไฮ้’ยิ้มออกมาและหยิบเอาแหวนห้วงมิติออกมาจากหน้าอกของเขา และถึงเอากล่องเล็กๆในหนึ่งออกมาจากแหวน เขาเปิดกล่องที่มีผ้าสีแดงห่อหุ้มเอาไว้

ได้เห็นการกระทำของเนี่ยไฮ้ ‘เนี่ยหลี่’และคนอื่นๆก็พากันสงสัยและประหลาดใจที่’เนี่ยไฮ้’เก็บงำความลับนี้เอาไว้มาอย่างยาวนานและเปิดเผยมันออกมา

‘เนี่ยไฮ้’เปิดห่อผ้าสีแดงและนำของสิ่งหนึ่งออกมา

ได้เห็นของสิ่งนั้น ‘เนี่ยหลี่’ถึงกับตกตะลึง

“นี่มันคือ…?”

เมื่อได้ยินคำพูดของ’เนี่ยหลี่’ ‘เนี่ยไฮ้’มองไปยัง’เนี่ยหลี่’ที่ยังมีอาการตกตะลึงอยู่และถามว่า

“เจ้าไม่รู้อย่างนั้นรึว่ามันคืออะไร?”

‘เนี่ยอิง’และ’เนี่ยหมิง’ได้เห็นของที่อยู่ในมือของ’เนี่ยไฮ้’ แล้วก็รู้สึกผิดหวังเล็กน้อย เพราะของที่อยู่ในมือของ’เนี่ยไฮ้’นั้นเป็นเพียงเศษหน้ากระดาษที่จากวัสดุที่ไม่อาจรู้ได้และมันก็มีความหนาเท่ากับปีกของจักจั่นเท่านั้น แต่เมื่อแสงอาทิตย์ส่องลงมาและลอดผ่านสิ่งเล็กๆนี้ไปก็จะได้เห็นตัวอักษรที่เรียงอัดแน่นจนยากที่จะอ่านและเข้าใจมันได้เลย

‘เนี่ยหลี่’ผงกหัว เขาจะไม่รู้จักสิ่งนี้ได้อย่างไรกัน? นี่เป็นเหตุผลที่ทำไม’เนี่ยหลี่’ถึงได้กลับชาติมาเกิดโดยที่เกี่ยวโยงกับเจ้าสิ่งนี้นั่นเอง

ในชาติที่แล้วของ’เนี่ยหลี่’ เขาได้ฝึกฝนจนไปถึงระดับที่เกินกว่าที่มนุษย์จะจินตนาการได้ แม้ว่าจะเป็นผู้ที่มีระดับชะตาฟ้า คนเหล่านั้นที่ได้เจอกับ’เนี่ยหลี่’ในอดีต พวกเขาก็ไม่ต่างอะไรกับมดปลวก แม้ว่าเวลานี้เขาไม่อาจจะรู้ได้เลยว่า ตำราจิตอสูรแห่งห้วงเวลา นั้นมันจากที่ไหนกันแน่

ในตอนนี้ ตำรายังไม่สมบูรณ์เพราะยังขาดอีกถึงแปดหน้าเลยทีเดียว

ในช่วงชีวิตนี้ ‘เนี่ยหลี่’พบชิ้นส่วนของหน้าแผ่นตำราจิตอสูรแห่งห้วงเวลา จากโลงของจักรพรรดิ์คงหมิงที่เป็นโลงเปล่า เขาไม่เคยคิดเลยว่า’เนี่ยไฮ้’จะมีชิ้นที่สองอยู่กับที่ตัวเขาด้วย ตั้งแต่ที่ชิ้นส่วนนี้ถึงส่งต่อมารุ่นต่อรุ่นของผู้นำตระกูลบันทึกสวรรค์ อาจจะเป็นไปได้ว่าพวกเขานั้นหรือตระกูลบันทึกสวรรค์นั้นมีความเกี่ยวข้องกับตำราฯอย่างนั้นรึ?

‘เนี่ยหลี่’ไม่อาจที่จะคิดออกมันทำให้เขาคิดมาก จนเขาคิดว่ามันเกินพอและยอมแพ้ มันเป็นดั่งปริศนามากมายซ่อนอยู่ เขาจะต้องไขปริศนาเหล่านั้นในอนาคตให้ได้

“ข้าเองก็มีอยู่ชิ้นส่วนหนึ่งด้วยเช่นกัน”

‘เนี่ยหลี่’หยิบเอาเศษชิ้นส่วนหน้านั้นออกมาและพูดว่า

“ข้ารู้สึกว่าเศษหน้ากระดาษนี้จะต้องมีความลับที่ยิ่งใหญ่แอบแฝงอยู่แน่ ท่านผู้นำตระกูลขอให้ท่านโปรดมอบเศษชิ้นส่วนนี้ให้แก่ข้าเพื่อความปลอดภัยด้วยครับ!”

เมื่อได้เห็นเศษหน้าตำราในมือของ’เนี่ยหลี่’นั้น ‘เนี่ยไฮ้’ถึงกับตาโต เขาเองก็พอจะรู้อยู่แล้วว่าหน้ากระดาษนี้เป็นของวิเศษแน่นอน เพราะมันได้ส่งต่อมาจากในอดีตมาช้านาน เพียงแต่ว่าเขาไม่เคยคาดคิดเลยว่า’เนี่ยหลี่’นั้นก็มีอยู่อีกชิ้นอยู่กับตัวด้วยเช่นกัน เขาคิดไม่ออกเลยว่ามีความลับที่ยิ่งใหญ่ที่’เนี่ยหลี่’ได้พูดออกมานั้นคืออะไรกันแน่ แต่ที่แน่นอนคือการจะไขความลับนี้จำเป็นที่จะต้องมีเขาหรือ’เนี่ยหลี่’อยู่ด้วย

“ได้ เจ้ารับไปเถอะ!”

‘เนี่ยไฮ้’ส่งหน้ากระดาษนั้นให้แก่’เนี่ยหลี่’

หลังจากที่ได้รับชิ้นส่วนหน้าของ ตำราจิตอสูรแห่งห้วงเวลา มาและได้รวมทั้งสองหน้าเอาไว้ ‘เนี่ยหลี่’เริ่มรู้สึกแล้วว่าทั้งสองชิ้นนั้นแทบจะเหมือนกัน กระทั่งตัวอักษรที่อยู่ในนั้นก็เหมือนกันจริงๆ ‘เนี่ยหลี่’คิ้วขมวดทันที นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?

มันมีหน้าซ้ำใน ตำราจิตอสูรแห่งห้วงเวลา ด้วยงั้นรึ?

แม้แต่เขาก็ยังไม่เข้าใจได้เลย เขาเลือกที่จะเลิกคิดถึงมันและเก็บทิ้งสองชิ้นส่วนเข้าไป

“เนี่ยหลี่ ในเมื่อของสิ่งนี้ถูกส่งต่อมาจากบรรพบุรุษมาช้านาน เจ้าจะต้องเก็บรักษามันเอาไว้ให้ดีนะ”

‘เนี่ยหมิง’พูดเตือนออกมาเขาเป็นคนที่ละเอียดอ่อนและรอบคอบอยู่เสมอ แม้ว่าลูกชายของเขากำลังจะเป็นถึงระดับตำนานในอีกไม่นานนี้ แม้ว่าเขาจะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของผู้นำตระกูลแล้ว แต่เขาก็ยังคงอ่อนน้อมถ่อนตนและรอบคอบอยู่ท้วในหน้าที่การงานด้วยเช่นกัน

ยิ่งกว่านั้นนี่เป็นของที่สืบทอดกันมาตั้งแต่บรรพบุรุษแล้ว เขายิ่งที่จะไม่กล้าประมาทโดยเด็ดขาด

“ข้าเข้าใจแล้วครับ ท่านพ่อ”

‘เนี่ยหลี่’คำนับและพูดออกมาว่า

“ข้าจะเก็บรักษามันไว้เป็นอย่างดีแน่นอนครับ”

หลังจาก’เนี่ยหลี่’ได้คุยกับ’เนี่ยไฮ้’และคนอื่นอยู่สักครู่หนึ่ง จาดนั้นเขาก็กลับไปที่บ้านของเขาเพื่อที่จะทานมื้อค่ำร่วมกับครอบครัวของเขา เขารู้สึกผิดต่อครอบครัวของเขาเอง หลังจากที่เขาได้กลับมาจุติ เขามุ่งมั่นที่จะรักษาเมืองกลอรี่ให้ปลอดภัย นั่นยิ่งทำให้เขาไม่มีเวลาให้กับครอบครัวของเขามากขึ้น

แต่ถึงอย่างนั้น ในเวลานี้เขาไม่มีทางเลือกอื่นเหลืออีกต่อไป มีแต่การที่เมืองกลอรี่ ปลอดภัยเท่านั้นที่จะทำให้เขาได้รู้สึกผ่อนคลายได้จริงๆ

ช่างเป็นค่ำคืนที่มืดมิดและเงียบที่สุดคืนหนึ่งเลยก็ว่าได้

ในตอนเช้า หลังจากที่ได้กล่าวลากับครอบครัวของเขา เมื่อเขาได้เตรียมตัวเสร็จจึงได้ออกมา

เมืองเขาได้มาถึงประตูเมืองกลอรี่ เขาก็ได้เห็น ‘เอี้ยจื่ออวิ้น’ ‘เซี่ยวหนิงเอ๋อ’และคนอื่นๆรอเขาอยู่

‘เนี่ยหลี่’มองไปทางกำแพงเมืองที่อยู่ไกลออกไปและก็ได้เห็นคนสองคนยืนอยู่ นั่นก็คือ ‘เอี้ยมัว’และ’เอี้ยเซิ่ง’ นั่นเอง พวกเขากำลังมองเขาอยู่ไกลๆและไม่ได้เข้ามากล่าวอำลากับ’เนี่ยหลี่’และพวกของเขา แสงยามรุ่งเช้าสีทองสาดส่องมาต้องร่างของพวกเขาราวกับว่ามีเสื้อคลุมสีทองได้คลุมตัวพวกเขาเอาไว้

ได้เห็นเขาทั้งสองคน น้ำตาของ’เนี่ยหลี่’ก็ไหลออกมาเป็นทาง… ในช่วงชีวิตที่แล้วของเขานั้น ทั้งเขาสองคนต่างก็ชุ่มไปด้วยเลือด

จากการต่อสู้ที่ไม่มีจุดสิ้นสุด นั่นก็เพราะเมืองกลอรี่ต้องอาศัยการปกป้องจากพวกเขาเนี่ยการดำรงและคงอยู่ต่อไปตราบนานเท่านาน อย่างไรก็ตามไม่ว่าจะเป็นท่านชายผู้สูงอายุและคนรุ่นใหม่ต่างก็ต้องการที่จะปลดปล่อยความกังวลเหล่าออกจากเมืองกลอรี่ทั้งสิ้น

(น่าจะหมายถึง เอี้ยมัวกับเอี้ยเซิ่ง)

‘ลั่วหมิง’และอีกสองคนก็ได้มาถึง

“นายน้อย เนี่ยหลี่ พวกเราจะกลับไปยังดินแดน โลกนรกานต์ ตอนนี้เลยรึขอรับ?”

‘ลั่วหมิง’และอีกสองคนแทบที่จะรอไม่ไหวแล้ว ก่อนหน้าที่เขาจะมาถึงนั้น ‘เอี้ยมัว’และ’เอี้ยเซิ่ง’ได้ให้ของดีมากมายแก่พวกเขา โดยเฉพาะ เหล้าสุรา พวกเขาถึงกับชื่นชอบมากหลังจากที่ได้จิบเข้าไป พวกเขาแทบไม่เชื่อเลยว่าจะมีสุราที่ชั้นเลิศขนาดนี้อยู่โลกภายนอกแบบนี้

หากเปรียบเทียบกับของที่นี้แล้ว สุราของที่โลกนรกานต์ก็เปรียบได้กับเยี่ยวม้าซะด้วยซ้ำ! (พวกเอ็งได้แดกมันด้วยเรอะไอ้เยี่ยวม้าเนี่ย ถึงรู้รสมันอ่ะ…)

พวกเขาแทบจะรอต่อไปไม่ไหวที่จะนำสุรานี้กลับไปและนำไปให้ผู้นำตระกูลตราหยกได้ลิ้มลองดูบ้าง

“ถูกต้อง”

‘เนี่ยหลี่’พยักหน้า

ได้ยินคำพูดของ’เนี่ยหลี่’ ‘ลั่วหมิง’และอีกสองคนอดไม่ได้ที่แสดงสีหน้าที่ตื่นเต้นออกมาบนใบหน้าของพวกเขา

‘เนี่ยหลี่’มองไปยังท้องฟ้า เวลานี้นอกจากการที่จะต้องไปยังโลกนรกานต์แล้ว ยังเขายังต้องเขาไปยัง ดินแดนมรณะเก้าชั้น! เขาคิดไม่ออกเลยว่าทางหน้านั้นมีอะไรที่รอพวกเขาอยู่ในอนาคต แต่อย่างไรก็ตามมันต้องเป็นสิ่งที่อลังการงานสร้างมากแน่ๆ พวกเขาอาจจะไม่ได้เห็นแสงอาทิตย์ไปอีกนานแต่ก็ใช่ว่าในใจของพวกเขาจะสิ้นหวังเลยแม้แต่น้อย

‘เนี่ยหลี่’มองไปยัง ‘เอี้ยจื่ออวิ้น’และ’เซี่ยวหนิงเอ๋อ’ จากนั้นก็ ‘ต้วนเจี้ยน’ ‘ลู่เพี่ยว’ ‘ตู่ซือ’และคนอื่นๆ ในใจของเขารู้สึกตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก

เขาจะต้องเป็นยอดฝีมืออันดับหนึ่งให้ได้ ‘เอี้ยจื่ออวิ้น’ ‘เซี่ยวหนิงเอ๋อ’และคนอื่นๆเองก็ต้องก้าวขึ้นมาสู่จุดสูงสุดนี้ด้วยเช่นกันในอนาคต เพียงแค่การลุยเข้าไปยัง ดินแดนมรณะเก้าชั้น เล็กๆแค่นี้พวกเขาจะต้องไปกลัวอะไร?

‘เอี้ยจื่ออวิ้น’ โบกมือลา ‘เอี้ยมัว’และ’เอี้ยเซิ่ง’ นี่เป็นครั้งแรกที่เธอจะจากบ้านไปยังที่ไกลแสนไกล

กลุ่มของ’เนี่ยหลี่’ได้จากเมืองกลอรี่ไปและค่อยๆหายไป มุ่งหน้าไปสู่ทางเข้าโลกนรกานต์ บนกำแพงเมืองกลอรี่ ‘เอี้ยมัว’และ’เอี้ยเซิ่ง’มองพวกเขาจากไป

“ท่านพ่อ หวินเอ๋อและเนี่ยหลี่ พวกเขาไปแล้วครับ!”

‘เอี้ยเซิ่ง’พูดออกมาหลังจากที่เห็น ‘เอี้ยมัว’เงียบไป

“อืม…”

‘เอี้ยมัว’พยักหน้าและถอนหายใจออกมา (อย่าแปลกใจนะครับว่าทำไมผมถึงแปลเป็น อืม เพราะมันดูสุขุมกว่าแล้ว ‘เอี้ยมัว’ ไม่ใช่เด็กแนว จะมากพูดว่า เย่ แมน…อะไรพวกนี้นะครับ)

“พวกเขาต่อสู้เพื่ออนาคตของเมืองกลอรี่ โดยทั้งหมดนี้มันก็แสดงแล้วว่าพวกเรานั้นแก่แล้ว ข้าได้แต่หวังว่าเทพบนสรวงสวรรค์จะช่วยคุ้มครองพวกเขา”

ถึงแม้ว่าเขาจะเป็น ‘หวินเอ๋อ’ ก็ตาม ‘เอี้ยมัว’เองก็รู้ดีอยู่แก่ใจว่า หากพวกเขาปกป้องนางไว้เหมือนไข่ในหิน มันก็เป็นไปไม่ได้เลยที่เธอจะเติบโตขึ้นมาได้

‘เอี้ยเซิ่ง’เองก็ทำได้แต่อวยพรให้’เอี้ยจื่ออวิ้น’ ‘เนี่ยหลี่’และคนอื่นๆปลอดภัยกลับมา ด้วยกำลังของพวกเขา พวกเขาสามารถปกป้องและดูแลตัวเองได้

“เอี้ยเซิ่ง ข้าขอฝากเมืองกลอรี่ไว้กับเจ้าด้วย ข้าจักต้องไปยัง นครแห่งคุกนรกอเวจี”

‘เอี้ยมัว’พูดด้วยตาที่เป็นประกาย ตั้งแต่’เนี่ยหลี่’และพรรคพวกไม่ได้ลังเลที่จะไปยัง ดินแดนมรณะเก้าชั้น เพื่อความปลอดภัยของเมืองกลอรี่ นั่นเป็นเหตุผลที่เขาไม่อาจจะทนรออยู่เฉยๆโดยไม่ทำอะไรได้เลย

“ครับ”

‘เอี้ยเซิ่ง’ตอบรับคำพูดของ’เอี้ยมัว ‘เขายอมรับอย่างไม่มีข้อโต้แย้ง

ท้องฟ้าที่กว้างใหญ่ไกลออกไป แสงจากพระอาทิตย์สีแดงระเรื่อสาดส่องไปยังภูเขาน้ำแข็งที่ไกลออกไป แสงสะท้อนจากผลึกและทะลุผ่านมาจากแผ่นน้ำแข็ง ช่างเป็นภาพที่งดงามอย่างยิ่งหาที่ใดเปรียบได้ ไกลออกไปนั้นคือ หุบเขาบรรพกาล

‘เนี่ยหลี่’และพรรคพวกที่เดินทางออกมาจากเมืองกลอรี่มาไกล พวกเขากำลังเดินอยู่บนหิมะที่หนา เพื่อที่กำลังจะมุ่งหน้าเข้าสู่โลกนรกานต์

ณ หุบเขาบรรพกาล มีโอกาสที่หมีเหมันต์และวานรยักษ์เหมันต์ด้วยเช่นกัน แต่ถึงกระนั้นพวกมันก็ไม่อาจที่จะทำให้พวกเขาหวาดกลัวต่อไปได้อีกแล้ว เพราะพวกเขายังมี ‘ต้วนเจี้ยน’ ที่เป็นถึงระดับตำนานอยู่ด้วย แล้วยังมีบัพของปาร์ตี้อยู่ด้วย (เทพทรูซะอย่าง)

การเดินทางในครั้งนี้ ‘เนี่ยหลี่’รู้สัมผัสได้ว่าพลังวิญญาณของเขากำลังค่อยเปลี่ยนไปและนั่นก็ทำให้เขาใกล้ที่จะก้าวขึ้นไปอีกระดับหนึ่งด้วยเช่นกัน

ความเร็วในการฝึกฝนและการพัฒนาของเขาช่างน่ากลัวยิ่งนัก ใครเล่าจะรู้ได้? นี่อาจจะเป็นผลจากการใช้วิชาผสานใจก็เป็นได้

เมื่อพวกเขาใกล้ถึงทางเข้าสู่โลกนรกานต์ ทันใดนั้นก็มีรังสีอัมหิตสองสายแผ่ออกมาจนพวกเขารู้สึกถึงมันได้ ความแข็งแกร่งที่สัมผัสได้นี้เกินกว่าของเอี้ยมัวซะด้วยซ้ำไป

เมื่อรู้สึกถึงพลังทั้งสอง ‘ยู่หยาน’ ที่นั่งอยู่บนไหลของ’เนี่ยหลี่’ก็มีสีหน้าที่เปลี่ยนไปทันที

“เนี่ยหลี่ พวกมันมากันแล้ว!”

‘ยู่หยาน’เตือนเขาทันที

เมื่อได้ยินคำพูดของ ‘ยู่หยาน’ ‘เนี่ยหลี่’ก็หนาวขึ้นมาจับใจและเขาก็เข้าใจได้ในทันทีเลยว่า พวกมัน คือใคร

‘ต้วนจี้ยน’และคนอื่นๆสัมผัสได้ถึงพลังที่สุดยอดและพวกเขาก็ป้องกันตัวทันที

ในพายุหิมะ มีร่างสองร่างค่อยๆเดินเข้ามาอย่างช้าๆ พวกเขาสวมใส่เพียงแค่กางเกง(ขายาว)ที่ทำด้วยมือและร่างกายของพวกเขาก็มีอักขระแปลกอยู่มากมายบนตัวของพวกเขา หนึ่งในนั้นมีร่างกายที่แข็งแรงลำตัวโก่งและแขนทั้งสองข้างที่ดูน่าประหลาด ซึ่งแขนทั้งสองข้างของเขาก็เหมือนกับแขนของวานร ส่วนอีกคนนั้นมีรูปร่างผอมและสีรุ้งป้ายอยู่ที่ใบหน้าของเขา จมูกของเขาแหลมและตาของเขาก็ปล่อยรังสีที่เป็นแสงสีเย็นออกมา มือของเขาเป็นเหมือนกับกรงเล็บของเหยี่ยว

“นางมาร ยู่หยาน ในที่สุดพวกเราก็หาเจ้าจนพบ กว่าจะหาเจ้าพบมันช่างเลวร้ายจริงๆ”

ชายที่ร่างกายกำยำ ขบฟันของเขา ทำให้คนอื่นรู้สึกหวาดกลัวเขา

“เราทั้งสองต้องเดินทางออกมาจากที่ราบแห่งเทพสวรรค์ลิขิต ตั้งแต่ที่เจ้าไม่ได้ซ่อนตัวอยู่ในบึงทมิฬเป็นกระดองเต่าป้องกันให้กับเจ้า พวกเราจะให้เจ้าได้เจอดีแน่นอน!”

ชายร่างผมพูดออกมาพร้อมกับรอยยิ้มอันชั่วร้ายอย่างกับว่าเขาจะจัดการกับ ‘ยู่หยาน’

จบตอน
ผู้แปล Starbot

ที่มา : 

ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments