I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Tales of Demons & Gods (妖神记) ตอนที่ 232 วิธีที่จะเข้าไปข้างใน

| Tales of Demons & Gods (妖神记) | 20652 | 2529 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

ผู้เยี่ยมยุทธระดับเซียนส่วนใหญ่ได้เข้าถึงพลังแห่งสัจธรรมขั้นสูงแล้ว แต่พวกเขาแค่ไม่มีโอกาสที่จะก้าวเข้าสู่ขอบเขตของระดับเทพวิญญาณ  หลังจากที่ถูกจำกัดด้วยสัจธรรมนั้น มีผู้เยี่ยมยุทธระดับเซียนเพียง 1 ใน 1000 คนเท่านั้นที่อาจจะเลื่อนระดับพลัง

อย่างไรก็ตาม หากพวกเขาได้ครอบครองเศษเสี้ยวแห่งจิตวิญญาณเทพ สถานการณ์ก็จะต่างออกไป เขาอาจจะกลายเป็นเทพวิญญาณที่มีความเป็นอมตะเลยก็ได้ หากได้ผสานเข้ากับจิตวิญญาณเทพ!

โครงกระดูกขนาดยักษ์เบื้องหน้าพวกเขามีดวงตาที่ลุกไหม้ด้วยไฟสีแดงฉาน สร้างแรงกดดันอย่างแปลกประหลาด กระดูกอันแหลมคมที่เปลี่ยนรูปร่างอยู่ตลอดเวลา ทำให้รู้สึกหนาวไปถึงขั้วหัวใจ

เจ้าโครงกระดูกไม่ได้มีการขยับเขยื้อนใดๆ เพียงแค่ลอยอยู่อย่างเงียบเชียบตรงนั้น

ในขณะเดียวกันออร่าที่น่ากลัวและสยดสยองก็ถูกปล่อยออกมาจากหลุมศพนั่น มีจิตวิญญาณเทพที่แตกสลายอยู่ที่โครงกระดูกนั่น รึว่าคนที่ถูกฝังอยู่ในหลุมนั่นจะเป็น….

ดวงตาของเหล่าผู้เยี่ยมยุทธระดับเซียนนั้นเต็มไปด้วยต้องการแต่แฝงด้วยความกังวลใจ เทพแห่งความตายเป็นเทพวิญญาณแต่บรรพกาล ใครจะรู้กันเล่าว่าจะมีสมบัติอะไรซ่อนอยู่ในนั้น?

‘เนี่ยหลี่’และพรรคพวกอยู่ไกลออกไปหลายร้อยเมตร เขาชะเง้อคอดูยังหลุมศพยักษ์นั่น ดวงตาของเขาแสดงออกถึงความตกตะลึง
‘เซี่ยว หยู่’จ้องมองตาเป็นประกาย

‘เนี่ย หลี่’หันไปหา’เซี่ยวหยู่’แล้วถามขึ้นว่า

“ข้าไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะมีหลุมศพขนาดใหญ่นี้ซ่อนอยู่ในชั้นแรกพี่ชายเซี่ยว หยู่ท่านมีแผนจะทำยังไงต่อหล่ะ?”

“น้องชายเนี่ย หลี่  เจ้าสนใจจะเข้าไปสำรวจกับข้าหน่อยมั้ย?”

‘เซี่ยวหยู่’พูดตอบแล้วหัวเราะออกมา

‘เนี่ย หลี่’ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและตอบกลับ

“ไม่มีปัญหา!แต่เราจะไม่พาจื้ออวิ้น กับหนิงเอ๋อไปด้วยนะแต่หากข้าทิ้งพวกนางไว้ที่นี่ ข้ากังวลว่าพวกนางจะเป็นอันตราย!”

“เนี่ยหลี่นี่เจ้าคิดจะเข้าไปที่โลงศพนั่นรึ?”

‘จื้ออวิ้น’ถามขึ้น พลางขมวดคิ้ว

“เนี่ย หลี่จะดีกว่านะถ้าเจ้าไม่เข้าไปตรงนั้น!”

หัวใจของ’หนิงเอ๋อ’เต็มไปด้วยความกังวล’เซี่ยวหยู่’มองไปที่’จื้ออวิ้น’และ’หนิงเอ๋อ’อีกครั้ง ถอนหายใจเบาๆแล้วพูดขึ้น

“น้องชายเนี่ยหลี่นี่มีแต่คนคอยเป็นห่วงเนอะ! เจ้าควรจะดีใจนะ”

‘เซี่ยวหยู่’พูดด้วยน้ำเสียงที่หดหู่ ทำให้’เนี่ย หลี่’ถึงกับหัวเราะออกมา

‘เสี่ยว หนิงเอ๋อ’พูดต่อ

“หากท่านจริงใจต่อผู้อื่นท่านย่อมได้รับความจริงใจจากผู้อื่นกลับมา เนี่ยหลี่เสียสละตัวเองเพื่อช่วยพวกเราหลายต่อหลายครั้ง นั่นเลยทำให้เขาได้รับการยกย่องจากพวกเราทุกคน”

ได้คำพูดของ’เสี่ยว หนิงเอ๋อ’ ‘เซี่ยวหยู่’ถึงกับมอง’เนี่ย หลี่’ด้วยความประหลาดใจ และหัวเราะขึ้น

“ จริงใจต่อผู้อื่นจะทำให้ข้าได้รับความจริงใจจากผู้อื่นตอบแทนอย่างนั้นรึ?”

‘เซี่ยวหยู่’แสดงใบหน้าขบขันออกมาพร้อมกับหยิบม้วนคัมภีร์สีทองออกมาจากแหวนต่างมิติ แล้วส่งให้’เสี่ยว หนิงเอ๋อ’

”เจ้าทั้งสองรับนี่ไป หากมีใครคุกคามพวกเจ้าจงแสดงสิ่งนี้ให้พวกมันเห็น แล้วพวกมันจะรามือไปเอง”

‘เนี่ย หลี่’มองไปที่ม้วนคัมภีร์สีทองในมือของ’เซี่ยวหยู่’แล้วถาม

“มันจะจริงเรอะ? นี่เจ้าคงไม่ได้หลอกพวกเราหรอกนะ?”

ได้ยินคำพูด’เนี่ย หลี่’, ‘เซี่ยว หยู่’ถึงกับหน้าดำทะมึนเลยถามขึ้น

”ข้าเหมือนคนโกหกรึไงกัน?”

“เหมือนดิ!”

‘เนี่ย หลี่’พูดด้วยท่าทางจริงจังพร้อมกับพะยักหน้าได้ยินสิ่งที่’เนี่ย หลี่’พูด ‘เซี่ยวหยู่’ถึงกับของขึ้น! เขาเลยพยายามสงบใจลง และตอบกลับไป

“ถ้าเจ้าไม่เชื่อข้างั้นเจ้าก็ลองเอาไปดูเองสิ”

“ไม่จำเป็นหรอก!!!”

‘เนี่ย หลี่’พูดพร้อมทั้งยักไหล่ขึ้น ความจริงแล้วเขาค่อนข้างเชื่อ ในคำพูดของ’เซี่ยวหยู่’แค่อยากกวนบาทาเล่นๆ แม้ว่าเขาจะไม่รู้ที่มาที่ไปจริงๆของ’เซี่ยว หยู่’ แต่’เนี่ย หลี่’ก็รับรู้ได้ว่า’เซี่ยว หยู่’ไม่ใช่คนธรรมดา หากเขาบอกว่ามันใช้ได้ ของสิ่งนั้นก็น่าจะใช้ได้จริงๆ

‘เซี่ยว หยู่’ถึงกับพ่นลมหายใจออกมาด้วยความโกรธ

ถ้าหาก’เนี่ย หลี่’ยังกวนบาทาเขาอยู่อีกหล่ะก็ เขาคงจะของขึ้นจริงๆละ ลึกลงไปภายในจิตใจของ’เซี่ยวหยู่’ เขาเอาแต่ท่อง

“ บาปกรรมหนอ…บาปกรรมหนอ…”

ประมาณว่าการฆ่าคนเป็นบาปนะครับ เพื่อสงบใจลง  เขาครุ่นคิดว่าทำไมกันนะ ตั้งแต่พบกับ’เนี่ย หลี่’แล้ว เขาถึงสติแตกง่ายนัก รึว่าจะโดนพระเอกกูปักธงเข้าให้ละ?

“จื้ออวิ้น หนิงเอ๋อ เจ้าสองคนรออยู่นี่นะข้าเจ้าเข้าไปดูตรงนั้นกับพี่สาวคนนี้ซะหน่อย แล้วพวกเราจะรีบกลับมา”

‘เนี่ยหลี่’บอกกับ’เอีย จื้ออวิ้น’และ’เสี่ยว หนิงเอ๋อ’

ได้ยินสิ่งที่’เนี่ย หลี่’พูด ‘เซี่ยวหยู่’ถึงกับตาเหลือกแล้วพูดอย่างไม่พอใจ

“เนี่ย หลี่ เจ้าเรียกข้าว่าอะไรนะ?”

‘เนี่ย หลี่’หันกลับไปมองด้วยใบหน้าที่ประหลาดใจแล้วพูด

“ห๊ะ!? ข้าเรียกท่านว่าอะไรหรอ??”

5555+ กวนตีนได้โล่!!!

‘เซี่ยวหยู่’ถึงกับเบือนหน้าหนีและแค่นลมหายใจด้วยความโมโห

“หึ่มมม!!!…มะกี้เจ้าพึ่งพูดมันออกมาแต่ตอนนี้เจ้ากลับไม่ยอมรับว่าพูดอย่างนั้นรึ!!!”

เมื่อมอง’เนี่ย หลี่’และ’เซี่ยวหยู่’ ทำให้’หนิงเอ๋อ’อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา ในตอนที่ทั้งคู่พบกันนั้น ดูเหมือนว่าพวกเขาทั้งสองจะสร้างกำแพงขึ้นปิดกั้นอีกฝ่ายเอาไว้

อย่างไรก็ตามนางรู้สึกได้ว่า ‘เซี่ยว หยู่’ไม่ใช่คนเลวอะไร แล้วใครจะรู้ ในอนาคตเขาอาจจะได้กลายมาเป็นเพื่อนกับพวกเราก็ได้

“เนี่ย หลี่เจ้าจะเจออันตรายข้างในนั้นมั้ย?”

‘เอีย จื้ออวิ้น’ถามด้วยความกังวล

“ไม่มีปัญหาหรอก! มีเซี่ยว หยู่ไปด้วยคงไม่มีอันตรายอะไรหรอก พวกเจ้าก็เห็นความแข็งแกร่งของเขาแล้วหนิ ไม่มีอะไรทำอันตรายข้าได้หรอก แม้ว่าเซี่ยว หยู่จะตายอยู่ข้างในนั้น ข้าก็ไม่เป็นไรหรอก”

‘เนี่ยหลี่’พูดอย่างมั่นใจ

“เจ้าพูดว่าใครจะตายอยู่ข้างในนั้นกัน??”

‘เซี่ยว หยู่’จ้องเขม็งไปที่’เนี่ย หลี่’

“ข้าแค่พูดเปรียบเทียบให้ฟังเฉยๆ การที่จะเป็นผู้ที่ฝึกบ่มเพาะพลังได้นั้น ข้าต้องพยายามจะไม่อารมณ์ร้อนเช่นเจ้า เพราะมันจะทำให้คลุ้มคลั่งได้ง่ายและตายจากการที่ร่างกายระเบิดออกได้นะ”

‘เนี่ย หลี่’มองไปที่’เซี่ยว หยู่’และทำเหมือนว่ากำลังเตือนอย่างจริงใจ

“ตาย จากการที่ร่างกายระเบิดออก….”

ได้ยิน’เนี่ย หลี่’พูด ปอดของ’เซี่ยว หยู่’แทบจะระเบิดออกด้วยความโกรธ แต่ด้วยการที่เขาเอาแต่บอกให้ตัวเองสงบใจลงซ้ำไปซ้ำมาทำให้เขาใจเย็นลงได้

“ข้าจะไม่ฟังเรื่องไร้สาระของเจ้าอีกต่อไป ข้าจะไปรอเจ้าข้างหน้านู่น!”

‘เซี่ยว หยู่’พุ่งทะยานไปทางหลุมศพนั่น

“ไปได้ซักทีนะ,  พวกเจ้าสองคนต้องดูแลตัวเองให้ดีนะ ซ่อนตัวอยู่แถวๆนี้ อย่าไปไหน หากพบผู้คนจากดินแดนนรกานต์ก็ให้ทำตามที่เซี่ยว หยู่บอก หยิบม้วนคัมภีร์สีทองออกมา เขาคนนี้ไม่ใช่คนธรรมดา ชื่อเสียงของเขาคงไม่เบาหรอก”

‘เนี่ย หลี่’พูดเตือน’เอีย จื้ออวิ้น’และ’เสี่ยว หนิงเอ๋อ’

“เจ้าเองก็ระวังตัวด้วยเช่นกัน”

‘เอียจื้ออวิ้น’รู้สึกไม่มั่นใจและเตือนเขา

“อื้มมม…วางใจได้เลย”

‘เนี่ยหลี่’ยิ้มอย่างมั่นใจ

‘เซี่ยวหยู่’นั้นแข็งแกร่งมาก มีเขาไปด้วย ‘เนี่ยหลี่’ก็วางใจได้มากขึ้น แม้ว่าที่มาที่ไปของ’เซี่ยว หยู่’ยังคงลึกลับ แต่เขาคงไม่ได้มุ่งร้ายพวกเราหรอก

‘เนี่ยหลี่’พูดกับ’จื้ออวิ้น’และ’หนิงเอ๋อ’อยู่ครู่หนึ่งก่อนจะทะยานออกไปอยู่ด้านข้างของ’เซี่ยวหยู่’แล้วพูด

“ไปกันเถอะ”

‘เซี่ยว หยู่’นิ่งเงียบแล้วกระโจนขึ้นไปบนท้องฟ้ามุ่งหน้าไปยังหลุมศพ

“เฮ้… ข้ายังไม้ได้เรียนวิธีการเหาะเหินเดินอากาศนะ!”

‘เนี่ย หลี่’ตะโกนตามหลัง’เซี่ยว หยู่’

ได้ยิน’เนี่ย หลี่’พูด ‘เซี่ยว หยู่’ถึงกับนิ่งไปพักนึง เขามอง’เนี่ย หลี่’ด้วยสีหน้าประหลาดใจแล้วหยิบผ้าไหมสีขาวออกมา โยนไปให้’เนี่ย หลี่’

“จับปลายผืนผ้านั่นไว้ ข้าจะดึงเจ้าขึ้นมาเอง”

พอเห็นผ้าไหมสีขาว ‘เนี่ย หลี่’มองไปยัง’เซี่ยว หยู่’แล้วพูดขึ้นว่า

“โถ่…เราสองคนก็ชายทั้งแท่งมันยากนักรึไงที่ใช้มือดึงข้าขึ้นไปยังจุดที่เจ้าปล่อยชายผ้าขาวลงมาให้ข้า จะได้ไม่เหมือนกับว่า เรากำลังพยายามจะแขวนขอตาย”

วัฒนธรรมจีนคนจีนจะใช้ผ้าไหมสีขาวแขวนคอตายนะครับ

‘เซี่ยว หยู่’มองไปที่’เนี่ย หลี่’และตอบกลับไป

“ข้าเป็นโรคกลัวเชื้อโรค ข้ากลัวว่ามือข้าจะสกปรก”

“ก็ได้! งั้นข้าเองก็เหมือนกับเจ้าหน่ะแหละ”

‘เนี่ย หลี่’ถึงกับเบะปาก มองบน  เจ้า’เซี่ยวหยู่’นี่แปลกคนจริงๆ ‘เนี่ย หลี่’มองไปยังผ้าไหมสีขาว มันยาวประมาณเมตรนึงเห็นจะได้
‘เนี่ย หลี่’เพียงแค่ต้องจับปลายของมันไว้ให้แน่นเท่านั้น ‘เซี่ยวหยู่’ดึงปลายอีกข้างนึงไว้เพื่อดึง’เนี่ย หลี่’ขึ้นมา ขณะที่กำลังบินตรงไปยังหลุมศพ

ผ้าไหมสีขาวผืนนี้ ปักรูปดอกไม้สีเงินอยู่ด้วย ทำให้’เนี่ย หลี่’ประหลาดใจมาก เจ้า’เซี่ยว หยู่’คนนี้เป็นพี่สาวจริงๆด้วย นี่เขาถึงขั้นปักรูปดอกไม้บนผ้าไหมเลยเหรอ แต่เขาก็ต้องเปลี่ยนความคิดทันที เพราะนี่อาจจะเป็นสัญลักษณ์ประจำตระกูลของ’เซี่ยวหยู่’ก็ได้

‘เนี่ย หลี่’แอบจดจำสัญลักษณ์นี่ไว้เพื่อเอาไปถาม’ลั่วเซี่ยว’เมื่อกลับไป เผื่อเขาจะรู้อะไรบ้างเกี่ยวกับลวดลายนี้

‘เซี่ยว หยู่’ดึง’เนี่ย หลี่’ไว้ แล้วร่อนลงเหนือหลุมศพนั่น พวกเขาอยู่ห่างจากทางเข้าไปไม่กี่ร้อยเมตร เจ้าโครงกระดูกยักษ์นั่นก็ยังอยู่ใกล้ๆหลุมศพนั่น ทำให้เกิดบรรยากาศชวนขนลุกและน่าอึดอัด

ในขณะที่เหล่าผู้เยี่ยมยุทธระดับเซียนรีบพุ่งไปข้างหน้า โจมตีด้วยพลังแห่งสัจธรรมเข้าใส่โครงกระดูกยักษ์

ทันใดนั้นก็ปรากฏขวานยักษ์ขึ้นในมือเจ้าโครงกระดูกนั่น มันเหวี่ยงขวานยักษ์สวนกลับไป
ปรากฏคลื่นพลังสัจธรรมแห่งความตายพุ่งเข้าใส่เหล่าผู้เยี่ยมยุทธระดับเซียน

*บึ้มมมม!!!*  *บึ้มมมม!!!*   *บึ้มมมม!!!*

พลังแห่งสัจธรรมปะทะกัน เกิดระเบิดขึ้นกลางอากาศ ทั่วทั้งสวรรค์และผืนดินสั่นสะเทือนจากพลังทำลายอันรุนแรง

คลื่นพลังนับไม่ถ้วนพวยพุ่งเข้าหา’เนี่ย หลี่’และ’เซี่ยว หยู่’ เมื่อ’เนี่ย หลี่’กำลังเตรียมตัวรับแรงปะทะ ทันใดนั้น’เซี่ยว หยู่’ก็ดึงมือขวาเข้าหาตัว แล้วผลักมันออกไป พลังจากฝ่ามือพุ่งออกไป คลื่นพลังสัจธรรมระเบิดออกกลางอากาศและสลายหายไป

จากการกระทำของ’เซี่ยวหยู่’ ‘เนี่ย หลี่’ถึงกับพูดไม่ออก ความแข็งแกร่งของ’เซี่ยว หยู่’นั้นน่ากลัวเกินไป ‘เนี่ย หลี่’ไม่รู้เลยว่า’เซี่ยว หยู่’ใช้พลังอะไรสลายคลื่นพลังสัจธรรมที่มาจากเหล่าผู้เยี่ยมยุทธระดับเซียน

อย่างไรก็ตาม

เขาแน่ใจแล้วว่าความแข็งแกร่งของ’เซี่ยว หยู่’ อย่างน้อยก็อยู่ในระดับเซียน และเป็นไปได้ว่าเขานั้นอาจจะอยู่ในระดับเทพวิญญาณ ซึ่ง’เนี่ย หลี่’เองก็ยังบอกไม่ได้ ด้วยความแข็งแกร่งของ’เนี่ย หลี่’ในตอนนี้ เป็นไปไม่ได้เลยที่จะมองเห็นถึงระดับการบ่มเพาะพลังของ’เซี่ยว หยู่’ โครงกระดูกยักษ์โจมตีต่อเนื่องด้วยคลื่นพลัง เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้เยี่ยมยุทธระดับเซียนเข้าใกล้ตัวมันและหลุมศพได้

“ด้วยการอารักขาจากเจ้าโครงกระดูกนั่นเราคงเข้าไปไม่ได้หรอก กลับกันเถอะ”

‘เนี่ย หลี่’พูดขณะที่ยืนอยู่ข้างๆ’เซี่ยว หยู่’ ตัว’เนี่ย หลี่’นั้นไม่ได้เกรงกลัวจริงๆหรอก เขาเพียงแค่อยากทดสอบ’เซี่ยวหยู่’ก็เท่านั้น’เซี่ยว หยู่’มองไปที่’เนี่ยหลี่’และตอบกลับไป

“เรามาไกลถึงนี่แล้วเจ้าอยากจะกลับไปโดยที่ไม่ได้เข้าไปในหลุมศพนั่นรึ?”

“แล้วเราจะทำอะไรได้หล่ะ?เว้นแต่เจ้าจะจัดการเจ้าโครงกระดูกนั่นได้!”

‘เนี่ย หลี่’ย้อนกลับไป ความแข็งแกร่งของโครงกระดูกนั่นทรงพลังมาก แม้แต่ผู้เยี่ยมยุทธระดับเซียน 50-60 คนก็ไม่อาจฆ่ามันได้ ‘เนี่ย หลี่’ตั้งใจจะทดสอบความแข็งแกร่งของ’เซี่ยว หยู่’ เพราะตัวตนของ’เซี่ยว หยู่’เป็นสิ่งที่น่าสงสัยเป็นอย่างมาก!

‘เซี่ยว หยู่’มองไปที่’เนี่ย หลี่’แล้วถาม

“เจ้ามีความคิดอะไรดีๆมั้ยหล่ะ? เจ้าโครงกระดูกนั่นแข็งแกร่งมาก แม้แต่ระดับซียน50-60 คนยังทำอะไรมันไม่ได้เลย แล้วข้าจะทำอะไรได้หล่ะ?”

“แล้วเจ้าจะเอายังไง? ในเมื่อเราเข้าไปข้างในไม่ได้แล้วจะมาเสียเวลาอยู่ที่นี่ทำไม?”

‘เนี่ย หลี่’ถามกลับ

จริงๆแล้ว’เนี่ยหลี่’มีวิธีที่จะเข้าไป สิ่งที่เขาต้องทำก็คือเรียกใช้จิตวิญญาณอสูรเงาพราย แล้วทุกอย่างก็เรียบร้อย อย่างไรก็ตาม’เนี่ย หลี่’ยังไม่อยากทำอย่างนั้น เพราะเขาอยากเห็นก่อนว่า’เซี่ยว หยู่’จะทำอย่างไร

‘เซี่ยว หยู่’มองที่’เนี่ย หลี่’แล้วครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะพูดขึ้นมา

“ถ้าเป็นอย่างนี้  เราคงต้องใช้วิธีนั้นซะละ!!!”

….จบตอน….

แปลโดย   ไอยรา
ณ  กุญชร

ที่มา:

ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments