I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Tales of Demons & Gods (妖神记) ตอนที่ 234 ดินแดนโบราณสถานแห่งมังกร

| Tales of Demons & Gods (妖神记) | 20315 | 2530 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

‘เนี่ยหลี่’และ’เซี่ยวหยู่’เดินลงไปตามบันได ทางเดินเติมไปด้วยโคลนและตะไคร่น้ำความมืดมิดปกคลุมชวนให้อึดอัด กลิ่นอายเย็นเยือก ลอยผ่านตลอดทางเดิน ‘เซี่ยวหยู่’เดินนำหน้า ค่อยๆก้าวช้าๆอย่างมั่นคง

‘เนี่ยหลี่’บอกได้เลยว่า’เซี่ยวหยู่’ระวังตัวอย่างมาก ในการก้าวเดินแต่ละก้าว เขาตรวจสอบพื้นที่รอบๆอยู่ตลอดเพื่อหลีกเลี่ยงที่จะเจอกับกับดัก รูปแบบอาคมก่อนหน้านี้ก็มีกับดักซ่อนอยู่เพื่อทำให้คนพบเห็นเข้าใจผิด มีเพียงคนที่มีความเข้าใจในรูปแบบจารึกอาคมอย่างถ่องแท้เท่านั้นที่จะมองออก

ซึ่งระดับของ’เซี่ยวหยู่’สูงอยู่แล้ว และด้วยความสามารถของเขา กับดักธรรมดาทำอะไรเขาไม่ได้อยู่แล้ว เมื่อเดินมาได้ประมาณครึ่งชั่วโมง ทั้งสองคนก็ตระหนักได้ว่า พวกตนนั้นไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหน

กลิ่นอายแห่งความตายที่น่ากลัวก่อต่อขึ้นรอบๆ มีโครงกระดูกกองเรียงรายรอบที่ที่พวกเขายืน พวกเขาก้าวผ่านโครงกระดูกเหล่านั้นอย่างระมัดระวัง  เกิดเสียงแตกหักของกระดูกจากใต้เท้าของพวกเขา ทันใดนั้นก็มีเสียงแหลมหวีดหวิวดังขึ้น ปรากฏร่างสิ่งมีชีวิตน่าเกลียดน่ากลัวไต่มาตามผนังกำแพง และกระโจนเข้าใส่พวกเขา

ส่งมีชีวิตเหล่านั้นส่งกลิ่นอายเหม็นเน่าออกมาจากร่างกาย พวกมันมีแขนขาคล้ายแมงมุงและไต่อยู่บนผนัง

“นั่นมันพวกผีดิบหนิ! ระวังพิษจากตัวของพวกมันด้วย!”

‘เนี่ยหลี่’เตือน’เซี่ยวหยู่’

เมื่อมองไปที่เจ้าพวกนั้น ‘เสี่ยวหยู่’ขมวดคิ้ว ใบหน้าของเขาแสดงออกถึงอาการขยะแขยง เขาค่อยแบมือออก พลันปรากฏโล่แสงขึ้นล้อมรอบพวกเขาไว้ โล่นี้สร้างมาจากแสง เมื่อพวกผีดิบสัมผัสมันร่างของพวกมันจึงระเบิดออกกลายเป็นของเหลวสีเขียว

เมื่อเห็น’เซี่ยวหยู่’กระทำดังนั้น ‘เนี่ยหลี่’ยิ้มเล็กน้อย เจ้านี่คงเป็นโรคกลัวเชื้อโรคจริงๆ ถึงกับใช้ศิลาเทพพิทักษ์แห่งแสงเพื่อป้องกันไม่ให้เจ้าพวกผีดิบเข้าใกล้ ‘เซี่ยวหยู่’ไม่พูดอะไร เขาก้าวเดินต่อไปยังสุดทางเดินที่อยู่ไม่ไกลนักทันใดนั้นเสียงหวีดหวิวก็ดังมาจากข้างหลัง นั่นเป็นกลิ่นอายจากเหล่าผู้เยี่ยมยุทธระดับเซียน!

เมื่อสัมผัสได้ถึงพวกเขา ‘เซี่ยวหยู่’รีบบอก

”เร็วเข้า เราต้องรีบไปแล้ว!”

เหล่าผู้เยี่ยมยุทธระดับเซียนตามพวกเขาเข้ามา ‘เซี่ยวหยู่’เดินนำหน้าโดยมี’เนี่ยหลี่’ตามมาติดๆ

หลังจากที่พวกเขาเริ่มวิ่งหนี กับดักมากมายก็เริ่มทำงาน ลูกธนูมากมายพุ่งใส่พวกเขา

*ติ้งงง!*  *ติ้งง!*  *ติ้งงง!*

ลูกธนูปะทะเข้ากับโล่ป้องกันแล้วร่วงลงพื้น แม้แต่ลูกธนูก็ไม่อาจผ่านโล่แสงของ’เซี่ยวหยู่’ได้ อย่างไรก็ตามระยะเวลาในการใช้โล่แสงมีจำกัด ‘เซี่ยวหยู่’ใช้โล่แสงเพื่อซื้อเวลาได้ไม่นาน

ขณะที่พวกเขากำลังวิ่งไม่คิดชีวิต พื้นที่สุดทางเดินก็เริ่มบิดเบี้ยว

“ไม่ดีแล้ว!”

‘เนี่ยหลี่’พูดขึ้นเมื่อเขารู้สึกว่าว่าพื้นที่เริ่มบิดเบี้ยว

เขารีบเอี้ยมมือไปคว้าตัว’เซี่ยวหยู่’ออกมา อย่างไรก็ก็ตาม เขาช้าไปก้าวนึง ‘เซี่ยวหยู่’เข้าไปในนั้นเรียบร้อย ‘เนี่ยหลี่’ครุ่นคิดครู่หนึ่ง แม้ว่า’เซี่ยวหยู่’จะทำให้เขาไม่พอใจ แต่เขาก็ไม่เลวร้ายอะไร การยืนดูใครคนนึงตายต่อหน้าไม่ใช่นิสัยของ’เนี่ยหลี่’ เขาเอื้อมมือไปคว้าชายเสื้อ’เซี่ยวหยู่’แล้วหล่นลงไปพร้อมกัน พวกเขาทั้งสองดูเหมือนกำลังจะตกลงสู่ก้นเหว

“เกิดอะไรขึ้น!?”

‘เซี่ยวหยู่’พยายามลืมตาขึ้นแต่ก็ไม่สามารถทำได้เพราะมิติที่บิดเบี้ยว

มือขวาของ’เนี่ยหลี่’จับชายเสื้อของ’เซี่ยวหยู่’ไว้เพื่อไม่ให้หลุดจากกัน อย่างไรก็ตามการบิดเบือนของมิติช่างรุนแรง ส่งผลให้มือขวาของ’เนี่ยหลี่’เริ่มหมดแรง

แคว่กกกก!!

‘เนี่ยหลี่’ ปล่อยมือจากเสื้อของ’เซี่ยวหยู่’ที่เริ่มฉีกขาด เมื่อพวกเขาหลุดออกจากกัน

‘เนี่ยหลี่’ก็พยายามฝืนลืมตาขึ้นและคว้าคอเสื้อ’เซี่ยวหยู่’ เอาไว้ด้วยมือซ้ายจากนั้นก็ใช้ข้างขวาคล้องเอว’เซี่ยวหยู่’

‘เซี่ยวหยู่’ รับรู้ได้ว่าเขากำลังร่วงลงไปจึงพยายามจะหยุดมันไว้ แต่เขาก็ทำอะไรไม่ได้ เขารู้สึกได้ว่ามีบางคนดึงเสื้อเขาไว้และคงจะเป็น’เนี่ยหลี่’แน่ๆ

ทันใดนั้นก็เกิดเสียงฉีกขาดดังลั่น ชายเสื้อบริเวณเอวของเขาฉีกออกเป็นวงกว้าง เขารู้สึกได้ว่ามันเกิดจากคนบางคนที่กำลังจับคอเสื้อและคล้องเอวเขาอยู่ รับรู้ได้ร่างกายที่หนักอึ้งกำลังกดทับขณะที่เขากำลังขัดขืน

‘เนี่ยหลี่’ขมวดคิ้วเล็กน้อย นั่น’เซี่ยหยู่’กำลังทำอะไร? ‘เนี่ยหลี่’กำลังช่วยเขาอยู่นะแต่’เซี่ยวหยู่’กลับไม่แยกแยะอะไรถูกผิด เมื่อรู้สึกว่า’เซี่ยว’กำลังดิ้นขัดขืน ‘เนี่ยหลี่’พ่นลมหายใจออกมาและพูดอย่างเคร่งขรึม

“อย่าขยับนะ! นี่เจ้าอยากตายรึไง?”

ได้ยิน’เนี่ยหลี่’ตะคอกอย่างดุดัน ‘เซี่ยวหยู่’ถึงกับหยุดดิ้นทันที

‘เนี่ยหลี่’ขมวดคิ้วและตรวจสอบการบิดเบี้ยวและฉีกขาดของห้วงมิติ  พวกเขากำลังตกลงไปที่ไหนกันนะ? ทั่วทุกที่ในนี้เต็มไปด้วยพลังสัจธรรมแห่งความตายแฝงอยู่

ทันใดนั้น’เนี่ยหลี่’ก็นึกอะไรออก เขาปล่อยตัวให้ตกลงไปตามแรง ร่างกายของเขาค่อยๆขยายใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็วขณะที่กำลังรวมร่างกับแพนด้าเขี้ยวอสูร

ระเบิด หยิน-หยาง!

‘เนี่ยหลี่’อ้าปากขึ้น มีลูกทรงกลมสีขาว-ดำก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว ระเบิดหยิน-หยาง 10 เท่า ลูกระเบิดทรงกลมสีขาว-ดำลอยห่างออกไปในความมืดและระเบิดขึ้น เกิดแสงส่องผ่านมิติที่ว่างเปล่าไร้ขอบเขต

พลังที่ทำให้มิติบิดเบี้ยวหายวับไปในทันที ‘เนี่ยหลี่’และ’เซี่ยวหยู่’ตกลงไปในน้ำและถูกพัดไปตามกระแสน้ำ

‘เนี่ยหลี่’กลับคืนร่างมนุษย์พร้อมทั้งอ้าปากสูดลมหายใจ เขามองตรวจสอบรอบๆ ดูเหมือนว่าจะเป็นสักที่นึงในหลุมศพนี่ บนผนังหินเต็มไปด้วยจิตกรรมมากมายที่เกี่ยวกับการต่อสู้ของผู้เยี่ยมยุทธบนท้องท้องฟ้า การต่อสู้นั้นรุนแรงมากถึงขั้นมีการบาดเจ็บล้มตายมากมายดั่งภัยพิบัติ

เป็นการต่อสู้ที่รุนแรงยิ่งนัก!

รูปภาพภายใต้ท้องฟ้าอันกว้างใหญ่มีอุโมงค์ที่นำทางไปยังพื้นที่ห่างไกล

ที่ปลายทางของอุโมงปรากฏกลุ่มคนยืนสังเกตุสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่ ภาพถัดไป เป็นภาพสถานที่ลึกลับอันแสนสวยงาม
แสดงให้เห็นถึงเกาะลอยฟ้าที่ภูเขาและแม่น้ำขนาดใหญ่ และมีพระราชวังเก่าแกที่แสนยิ่งใหญ่และน่าเกรงขามลอยอยู่เบื้องบน

‘เนี่ยหลี่’ตะลึงกับภาพที่สองมาก เพราะมันเป็นภาพของสถานที่ที่’เนี่ยหลี่’เคยไปเมื่อชาติที่แล้ว ดินแดนโบราณสถานแห่งมังกร!

มีเพียงเทพวิญญาณเท่านั้นที่รู้ถึงการมีอยู่ของดินแดนนั้น

ดินแดนโบราณสถานแห่งมังกรนั้นอยู่ระดับสูงกว่าทวีปศักดิ์สิทธิ์ที่เราอยู่

ด้วยการบ่มเพาะพลังแห่งเต๋า พลังวิญญาณของคนๆนั้นจะสามารถเข้าถึงดินแดนระดับตำนานได้ และเฉพาะคนที่เข้าถึงพลังฟ้าเท่านั้นที่ก้าวผ่านดินแดนระดับตำนานไปยังดินแดนระดับชะตาฟ้าได้

อย่างไรก็ตามบนทวีปศักดิ์สิทธิ์ มีผู้เยี่ยมยุทธที่แข็งแกร่งที่สุดคือระดับเทพวิญญาณ ในระดับการบ่มเพาะพลังเทพวิญญาณยังเป็นระดับที่ต่ำกว่าชะตาฟ้า อย่างไรก็ตามเทพวิญญาณก็สามารถใช้พลังในระดับชะตาฟ้าได้และได้รับความเป็นอมตะ

ทวีปศักดิ์สิทธิ์นั้นถูกสร้างโดยผู้เยี่ยมยุทธที่ทรงพลังบางคน พวกเทพวิญญาณเป็นเพียงจิตวิญญาณที่อาศัยอยู่ในดินแดนนี้

อีกนัยหนึ่งก็คือพวกเทพวิญญาณมีร่างกายที่ไม่คงกระพัน พวกเขาเลยใช้การบรรลุถึงชีวิตอันเป็นนิรันดร์ ที่แม้ว่าจิตวิญญาณเทพจะแตกสลายไป พวกเขาก็จะยังไม่ตาย จนกว่าพลังแห่งสัจธรรมของพวกเขาจะถูกยึดครองโดยผู้อื่น

จากภาพวาดบนผนัง ผู้เยี่ยมยุทธจากดินแดนโบราณสถานแห่งมังกร ได้รู้ถึงการมีอยู่ของทวีปศักดิ์สิทธิ์มานานแล้ว และคอยเฝ้าดูการต่อสู้ของเหล่าเทพวิญญาณ แต่ทำไมพวกเขาถึงไม่ส่งผู้เยี่ยมยุทธของตนมาหล่ะ?

หรือว่าพวกเขาจะข้ามมายังดินแดนนี้ไม่ได้? ‘เนี่ยหลี่’คงจะต้องหาคำตอบหลังจากก้าวข้ามระดับตำนานและเข้าสู่ระดับชะตาฟ้าถึงจะเข้าไปยังดินแดนโบราณสถานแห่งมังกร

‘เนี่ยหลี่’และ’เสี่ยวหยู่’ถูกพัดไปตามกระแสน้ำจนไปถึงที่ที่เขาสัมผัสได้ถึงพื้นดินใต้ฝ่าเท้า พวกเขารีบขึ้นจากน้ำและนอนลงบนพื้นที่แห้งเบื้องหน้า

เมื่อ’เนี่ยหลี่’มองไปรอบๆก็พบว่า’เซี่ยวหยู่’เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดใหม่เสร็จแล้ว และที่กองอยู่บนพื้นก็คือชุดที่ฉีกขาดก่อนหน้านี้

เมื่อมองไปยัง’เนี่ยหลี่’ ‘เซี่ยวหยู่’ถึงกับหน้าซีด เข้าเข้าใจว่า’เนี่ยหลี่’ได้ช่วยเขาไว้

ระเบิดหยิน-หยางของเขานั้นทำให้เซี่ยวหยู่ประหลาดใจมาก แต่เมื่อเขานึกถึงเสื้อผ้าที่ฉีกขาด เขาก็แสดงท่าทีไม่พอใจออกมา

เห็น’เซี่ยวหยู่’เป็นนั้น ‘เนี่ยหลี่’ถึงกับยักไหล่อย่างช่วยไม่ได้ ‘เซี่ยวหยู่’นี่แยกไม่ออกถึงอะไรดีอะไรไม่ดี ถ้าไม่ใช่เพราะระเบิดหยิน-หยางของเขา ป่านนี้เราจะไปโผล่อยุ่ไหนก็ไม่รู้?

“ไปกันเถอะ!”

‘เซี่ยวหยู่’พูดด้วยน้ำเสี่ยงไม่พอใจ ขณะที่เดินลึกเข้าไปในหลุมศพ

“ไอ้เนรคุณ”

‘เนี่ยหลี่’บ่นพึมพำขณะที่เดินตามเข้าไป ร่างของทั้งคู่เลือนหายไปในความมืด

ในขณะเดียวกันภายนอกหลุมศพโบราณ

‘เอียจื้ออวิ้น’และ’เสี่ยวหนิงเอ๋อ’ ยืนรออยู่ที่เดิม ทั้งคู่กังวลเกี่ยวกับ’เนี่ยหลี่’นิดหน่อย ทั้งคู่เลยพยายามทำใจให้เย็นลง ‘เนี่ยหลี่’คงมีหนทางเอาตัวรอดได้อยู่ก่อนแล้ว ไม่งั้นคงไม่เข้าไปในหลุมศพนั่นหรอก

ทั้งคู่ตกอยู่ในความเงียบและน่าอึดอัด ทั้งสองคนเคยเป็นเพื่อนสมัยเด็กกันและตอนนี้ทั้งคู่ก็ตกอยู่ในความสัมพันธ์ที่ค่อนข้างอธิบายยาก

‘เอีย จื้ออวิ้น’ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหันไปหา’เสี่ยว หนิงเอ๋อ’และพูดขึ้น

“ข้าขอโทษนะ”

ได้ยินดังนั้น หัวใจของ’หนิงเอ๋อ’ถึงกับเจ็บจี๊ดขึ้นมาเล็กน้อย นางมองไปยัง’จื้ออวิ้น’

“เอีย จื้ออวิ้น นี่เจ้ากำลังสงสารข้ารึ?”

“นั่นเป็นความรู้สึกของข้า”

‘เอียจื้ออวิ้น’รีบส่ายหัวและตอบกลับ

“เจ้าเป็นคนที่รู้จักกับเนี่ยหลี่ก่อนและข้า…”

เมื่อมองเห็นอาการรู้สึกผิดของ’เอียจื้ออวิ้น’ ‘เสี่ยวหนิงเอ๋อ’ส่ายหัวของนางและตอบกลับไป

”คนเดียวที่เนี่ยหลี่รักคือเจ้า นั่นเขาเลือกเอง และที่ข้ารักเขา ก็เพราะข้าเลือกของข้าเอง ไม่ใช่ความผิดของใคร แม้เจ้าทั้งคู่จะหมั้นกันแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้แต่งงานกันเหมือนกับตอนที่ข้ากับเสิ่น เฟยหมั้นกันอยู่ แล้วถูกถอนหมั้นไป เอีย จื้ออวิ้นจากนี้ไปข้าจะสู้กับเจ้าเพื่อเนี่ยหลี่”

‘เอียจื้ออวิ้น’นิ่งเงียบไป เกี่ยวกับเรื่องนี้มันไม่ได้มีใครผิดเลย

ขณะที่การสนทนาจบลง ก็ได้มีกลุ่มคนมาล้อมพวกนางไว้ผู้นำกลุ่มนั้นก็คือเทียนหลิงแห่งตระกูลทางตอนเหนือของดินแดนใต้พิภพและหวู่ยู่แห่งตระกูลหวู่กุ้ย กับลูกน้องกว่า 30 คน อยู่ข้างหลัง

สีหน้าของ’เอียจื้ออวิ้น’และ’เสี่ยวหนิงเอ๋อ’เปลี่ยนไปเล็กน้อยขณะที่ยืนสังเกตการณ์อยู่

“อ่าห้ะ! น้องสาวคนงาม ข้าไม่คิดเลยว่าจะได้เจอกันอีก แล้วนี่ใครหล่ะเนี่ย? งดงามไม่แพ้กันเลยนะเนี่ย! จุ๊! จุ๊! ทำไมเจ้าเด็กนั่นถึงไม่อยู่กับเจ้าหล่ะเนี่ย?”

‘หวู่ยู่’สอดส่องสายตาไปรอบและหัวเราะขึ้น ดวงตาของเขาเป็นประกายขึ้นมาเล็กน้อย

‘เอียจื้ออวิ้น’ก้าวออกมาข้างหน้าเพื่อปกป้อง’เสี่ยวหนิงเอ๋อ’ นางมองอย่างเย็นชาไปที่’หวู่ยู่’และพูดขึ้นว่า

“พวกเจ้าตั้งใจจะทำอะไรกัน?ไปให้พ้นซะ! ไม่งั้นอย่าหาว่าข้าเสียมารยาทหล่ะ!”

 

….จบตอน…

 

แปลโดย ไอยรา ณ กุญชร

ที่มา:

ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments