I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Tales of Demons & Gods (妖神记) ตอนที่ 240 จอมมาร

| Tales of Demons & Gods (妖神记) | 20309 | 2530 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

ข่าวแพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็วท่ามกลางเหล่าตระกูลที่ชุมนุมอยู่เบื้องหน้าแดนมรณะเก้าชั้น

ตระกูลหวู่กุ้ยทำให้ผู้ทรงอำนาจไม่สบอารมณ์ ทั้งถูกผู้แทนจากเหล่าตระกูลทรงอิทธิพลในนครนรกานต์ล้อมไว้ แม้แต่ประมุขตระกูลหวู่กุ้ยอย่าง’หวู่ฮุ่น’ยังถูกจับกุม

เมื่อข่าวนี้แพร่ออกไป ตระกูลอื่นๆต่างอยู่ในความตกตะลึง อาศัยเพียงท่านผู้ทรงอำนาจผู้นั้นก็สามารถทำให้ตระกูลทรงอิทธิพลทั้งหลายยอมปฏิบัติตามคำสั่งของเขาแล้วหรือ?

นอกจากนี้ยังว่ากันว่าตระกูลทรงอิทธิพลพวกนั้นได้เดินทางไปแก้แค้นสมาคมทมิฬอีกด้วย

จากข่าวลือที่ว่า พวกเขาคงตั้งใจจะจับตัวสมาชิกของสมาคมทมิฬ แต่อย่างไรสมาคมทมิฬนั้นได้หายสาบสูญซึ่งไม่ว่าที่ไหนก็หาพบไม่ เหล่าผู้เชี่ยวชาญระดับเซียนต่างสืบหากันอย่างยากลำบากจนสุดท้ายก็ได้แต่ยอมยกธงขาว กระนั้นสมาชิกของสมาคมทมิฬก็ได้ถูกกาหัวเป็นบุคคลต้องนำจับ

ชั้นแรกแดนมรณะเก้าชั้น

ขณะที่’เนี่ยหลี่’ ‘เอียจื่ออวิน’ และ’เซียวหนิงเอ๋อ’เดินอยู่ด้วยกัน ‘ยู่หยาน’ก็เหาะลงมาบนไหล่ของ’เนี่ยหลี่’

‘เนี่ยหลี่’เหลือบไปมอง’ยู่หยาน’ที่นั่งอยู่บนไหล่และเอ่ยถาม

“พี่สาวยู่หยาน พี่ไปไหนมาแต่เช้าอ่ะ”

รอยหม่นเศร้าพลันปรากฏบนหน้าผากของ’ยู่หยาน’ขณะที่นางเริ่มกล่าว

“นานมาแล้ว แดนมรณะเก้าชั้นเป็นสนามรบระหว่างเผ่าอสูรและเผ่ามนุษย์ ในตอนนั้นมนุษย์จำนวนมากต้องจบชีวิตที่นี่ ข้าสืบหาโดยอาศัยกลิ่นอายที่ยังเหลือยู่ของพวกเขาและจัดการฝังร่างให้พวกเขาได้พักอย่างสงบ”

ด้วยข่าวที่’ยู่หยาน’นำมา พลันใบหน้าของ’เอียจื่ออวิน’และ’เซียวหนิ่งเอ๋อ’ก็เต็มไปด้วยความเสียใจ

“อย่างไรก็เถอะ ข้าพบสิ่งนี้ด้วยล่ะ”

‘ยู่หยาน’กล่าวต่อ นางไม่อยากเป็นต้นเหตุให้ผู้ใดต้องทุกข์ นางหยิบกระจกที่ดูเรียบๆไม่ประดับประดาอะไรออกมา

“สิ่งนี้คืออะไร?”

‘เอียจื่ออวิน’ถามด้วยความสงสัย ‘เซียวหนิงเอ๋อ’ก็มองดูกระจกบานนี้อย่างสนใจเช่นกัน

“นี่มัน.. !”

‘เนี้ยหลี่’เขม่นคิ้วขณะเผลอหลุดปากด้วยความตกใจ เขาไม่คิดมาก่อนว่าระหว่างที่’ยู่หยาน’ไม่อยู่ นางจะนำสิ่งที่น่าตกตะลึงเช่นนี้กลับมาด้วย

“ดูเหมือนเนี่ยหลี่จะรู้จักสิ่งนี้สินะ มันคือกระจกเจตภูตที่สามารถดูดจิตวิญญาณมนุษย์และคงสภาพจิตนั้นไว้โดยไม่ทำให้มั กระจัดกระจายได้”

‘ยู่หยาน’อธิบาย

ที่’ยู่หยาน’กล่าวนั้นไม่ผิดนัก แต่อย่างไรนั่นเป็นเพียงพลังส่วนหนึ่งของเจ้ากระจกนี่ มันยังทำอย่างอื่นได้อีกเยอะ! แต่บางอย่างนั้นจะใช้ได้ก็ต่อเมื่อเขาเข้าสู่ระดับชะตาฟ้าแล้วเท่านั้น

‘ยู่หยาน’ส่งกระจกเจตภูตให้’เนี่ยหลี่’

“มันไม่จำเป็นสำหรับข้า เจ้าเก็บไว้เถอะ”

‘เนี่ยหลี่’พยักหน้า ถึง’ยู่หยาน’จะไม่รู้ประโยชน์ที่แท้จริงของกระจกเจตภูติก็ตาม

แท้จริงแล้วอาศัยเพียง’เนี่ยหลี่’ก็สามารถใช้งานมันได้อย่างเต็มศักยภาพแล้ว ‘เนี่ยหลี่’เก็บกระจกและหยิบมณีสีชาดที่’เซียวหยู’ได้จากมังกรซอมบี้ เจียวหลงให้แก่’เซียวหนิงเอ๋อ’

เมื่อ’เซียวหนิงเอ๋อ’เงยหน้าขึ้นมา ดวงหน้าของเธอพลัน มีสีระเรื่อ เธอเหลือบมองไปที่’เนี่ยหลี่’พลางรับอัญมณีสีชาดมาเงียบๆ สิ่งนี้เป็นของขวัญที่’เนี่ยหลี่’มอบให้แก่นาง!

ถ้า’เซียวหยู’อยู่ที่นี่และได้รู้ความคิดของ’เซียวหนิงเอ๋อ’ในตอนนี้ เขาคงสิ้นหวังถึงขั้นกระอักเป็นเลือด

สิ่งนี้’เซียวหยู’เป็นคนที่มอบให้นางก่อนชัดๆ! บัดนี้ในสายตานาง กลับกลายว่ามันเป็นสิ่งที่’เนี่ยหลี่’มอบแก่นางเสียอย่างนั้น

“ตามหาตู่ซือกับคนอื่นๆกันเถอะ!”

‘เนี่ยหลี่’ยิ้มขณะที่ทั้งสี่เดินไปด้วยกัน

อีกมุมหนึ่งของแดนมรณะเก้าชั้น

คนจำนวนหนึ่งรวมตัวกันล้อมรอบเด็กหนุ่มอายุราวๆยี่สิบปีอย่างเนืองแน่น เด็กหนุ่มผู้นี้มีใบหน้ารูปไข่ดูหล่อเหลา ดวงหน้าอันทรงเสน่ห์ติดจะซีดเซียวอย่างน่าประหวั่นรับกับดวงตาแดงก่ำนั้นเหมือนจะเป็นเหตุให้ทุกผู้หวาดผวายามเมื่อได้จ้องมองและตัวสั่นจากความหวั่นเกรง

คนผู้นี้แผ่กลิ่นอายเย็นยะเยือกจากทั่วทั้งสรรพางค์กาย เป็นเหตุให้อุณหภูมิรอบๆลดต่ำลงอย่างรวดเร็ว

ชายหนุ่มสองคนที่ยืนถัดไปจากเขา ‘หลงชา’และ’กุยชา’ ผู้ซึ่งแอบเปิดฉากโจมตีเมืองกลอรี่ในคราวก่อน

“ท่านจอมมาร บัดนี้เราควรทำอย่างไรดี? เหล่าตระกูลทรงอิทธิพลในนครนรกานต์มีกำลังเกินกว่าที่เราจะสามารถรับมือได้อีกต่อไป!”

‘หลงชา’ร้องถามอย่างร้อนรน

ดวงตาของเด็กหนุ่มแผ่กลิ่นอายกระหายเลือดขณะกล่าว

“ข้าไม่คิดมาก่อนว่าพวกมันจะปีกกล้าขาแข็งได้เพียงนี้ เมื่อคิดว่าพวกมันสามารถระดมเหล่าผู้เชี่ยวชาญจากเหล่าตระกูลทรงอิทธิพลในนครนรกานต์จนถึงขั้นบีบคั้นตระกูลหวู่กุ้ยได้”

“ท่านจอมมาร ท่านต้องการจะบอกว่าสาเหตุทั้งหมดนี้มาจากเจ้าพวกเมืองกลอรี่หรือ?”

“เจ้าเด็กนั่นต้องเป็นผู้วางค่ายกลหมื่นอสูรเป็นแน่”

เสียงหัวเราะบางเบาหลุดออกมาจากมุมปากของจอมมาร

“ช่างน่าสนใจยิ่ง ข้าชักอยากรู้ว่าในท้ายที่สุดข้าจะสามารถพบเขาได้เมื่อใด เป็นไปได้ว่าเขาจะเข้าร่วมคัดเลือกศิษย์จ้าวนรกานต์ แถมโอกาสที่เขาจะถูกเลือกยังสูงมากอีกด้วย!”

“ท่านจอมมาร ท่านไม่เข้าร่วมการคัดเลือกศิษย์บ้างหรือ? ท่านกำลังจะบอกว่า….”

ดวงตาของ’หลงชา’กระจ่างขึ้นเมื่อเขาเข้าใจบางอย่าง

“แน่นอน ตราบใดที่ข้าผ่านการคัดเลือก ข้าจะสามารถเข้าร่วมสำนักปีกสวรรค์ได้ แต่ก่อนกายหยาบของข้าอ่อนแอยิ่ง บัดนี้ข้ามีกายาเทพที่ปรากฏเพียงครั้งในรอบหมื่นปี แม้ไร้พลังฟ้า ข้าก็บรรลุสู่ระดับดาราสวรรค์แล้ว หากจ้าวนรกานต์ยังมีตาเขาจะต้องเลือกข้าเป็นแน่นอน”

จอมมารหัวเราะ

“ข้าไม่เชื่อว่าคนผู้นั้นจะเสาะหาร่างที่ดีไปกว่ากายาเทพของข้าได้!”

“ไม่ว่าร่างของคนผู้นั้นจะดีเลิศอย่างไรก็หาเทียบกับกายาเทพของท่านได้ไม่ ท่านจอมมาร”

‘หลงชา’กล่าวด้วยความนอบน้อม ขณะที่อีกด้าน’กุยชา’พยักหน้าอย่างเห็นด้วย

“ขณะที่ข้าไม่อยู่ พวกเจ้าต้องหลบซ่อนและห้ามปรากฏตัวให้ผู้ใดเห็น แม้แต่การเข้าหาตระกูลอื่นเพื่อให้เป็นที่ยอมรับด้วยก็ตาม”

จอมมารกล่าวอย่างเยือกเย็น

“ขอรับ เราจะรอท่านกลับมา ท่านจอมมาร!”

‘หลงชา’และที่เหลือกล่าวด้วยความเคารพ

จอมมารเงยหน้าขึ้นมาขณะที่สายตาของเขาทอดมองไปไกล

ท้ายที่สุดแล้ว ในชาตินี้เขาก็มีคุณสมบัติพอที่จะเข้าร่วมสำนักปีกสวรรค์ ช่างเป็นเด็กหนุ่มที่ลึกลับอะไรเช่นนี้?

หากเป็นศัตรูกันแล้วในการเดินทางครั้งนี้เขาคงไม่รู้สึกโดดเดี่ยวสินะ ริมฝีปากของเขาขยับโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มเล็กน้อย เปี่ยมล้นไปด้วยความสนอกสนใจ

จอมมารเคลื่อนกายไปข้างหน้าอย่างช้าๆและค่อยๆหายไปจากสายตา

ขณะที่เขามองจอมมารจากไป ‘หลงชา’และคนอื่นๆต่างคุกเข่าไปยังทิศของจอมมาร ดวงตาของแต่ละผู้ต่างปรากฏชัดถึงความแน่วแน่

“พวกข้าน้อมรับใช้ท่านด้วยชีวิตและจักรอจนท่านผู้ยิ่งใหญ่จะกลับมา!”

ต่อแต่นี้ไปสมาคมทมิฬจะสาบสูญไปจากนครนรกานต์ อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะต้องใช้เวลาเพียงใด

พวกเขาจะรอการกลับมาของท่านจอมมารด้วยความภักดีไม่เสื่อมคลาย จนกว่าจะถึงวันที่เขากลับมานำทางพวกเราอีกครั้ง!

‘เนี่ยหลี่’และพรรคพวกยังคงสำรวจไปทั่วชั้นแรกของแดนมรณะเก้าชั้น

ในที่สุด สองวันให้หลังพวกเขาก็พบตู่ซือและคนอื่นๆ สรุปว่าพวกเขาได้ผลจิตต้นกำเนิดมาสิบเอ็ดลูก สำหรับผู้ที่ยังไม่ก้าวเข้าสู่ระดับตำนาน สิ่งนี้ย่อมเป็นประโยชน์ที่สุดอย่างแท้จริง!

หลังรวบรวมผลจิตต้นกำเนิดได้พวกเขาจึงกลับไปยังค่ายของตระกูลตราหยก

เมื่อเขารู้ว่า’เนี่ยหลี่’และพวกที่เหลือกลับมาอย่างปลอดภัย

‘หลัวเซียว’และคนอื่นๆจึงรู้สึกสบายใจในที่สุด ถึงอย่างไร ณ จุดนี้ ‘เนี่ยหลี่’เป็นตัวตนที่สำคัญยิ่งสำหรับตระกูลตราหยก

‘เนี่ยหลี่’และพรรคพวกหยิบผลจิตต้นกำเนิดให้แต่ละคนและต่างกลับไปยังกระโจมของตนเพื่อขัดเกลาการบ่มเพาะพลัง ชั้นเจ็ดของแดนสิ้นสูญเก้าชั้นจะเปิดออกในไม่ช้า พวกเขาจักต้องยกระดับพลังของตนให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้!

‘เนี่ยหลี่’นั่งไขว้ห้างกินผลจิตต้นกำเนิด กระแสอบอุ่นพลันไหลเวียนไปสู่ลำคอและช่องท้องก่อนที่มันจะแพร่กระจายไปทั่วลมปราณของเขา

สรรพคุณทางยาของผลจิตต้นกำเนิดช่างบริสุทธิ์ยิ่ง มันกำลังตะบี้ตะบันหล่อเลี้ยงอาณาเขตจิตวิญญาณของ’เนี่ยหลี่’

ตูม! ตูม! ตูม!

อาณาเขตจิตวิญญาณของ’เนี่ยหลี่’ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง

ก่อนหน้านี้ เมื่อเขาได้เข้าใจสัจธรรมแห่งความตาย การบ่มเพาะของ’เนี่ยหลี่’ก็เริ่มปรากฏสัญญาณของความก้าวหน้า

เว้นเสียแต่ว่าเขายังคงไม่สามารถเข้าสู่อีกระดับได้ ตอนนี้เขาได้กินผลจิตต้นกำเนิดและควบคุมพลังแห่งสัจธรรมทั้งสาม

ฉับพลันพลังในร่างเขาก็เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง การบ่มเพาะของเขาพุ่งสูงเป็นลำดับกระทั่งถึงระดับแบล็คโกลด์ห้าดาวจึงหยุดลง

ในทางทฤษฎี ด้วยความช่วยเหลือจากอาณาเขตจิตวิญญาณของ’ต้วนเจี้ยน’และพลังแห่งสัจธรรมทั้งสาม

พลังของ’เนี่ยหลี่’สมควรทะลวงเข้าสู่ระดับตำนานแล้ว แต่ด้วยเหตุที่เขาใช้เคล็ดวิถีฟ้าในการบ่มเพาะพลัง จึงต้องใช้เวลาอย่างมากในการเข้าสู่ระดับแบล็คโกลด์ห้าดาวเมื่อเปรียบกับ’เอียจื่ออวิน’ ‘เซียวหนิงเอ๋อ’ ‘ตู่ซือ’ และคนอื่นๆ การบ่มเพาะของเขาจึงสะดุดหยุดอยู่ที่ประตูสู่ระดับตำนาน

ภายในอาณาเขตจิตวิญญาณ ‘เนี่ยหลี่’สัมผัสได้ว่านอกเหนือจากเขา การบ่มเพาะพลังของคนอื่นๆก็เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดและเริ่มทะลวงเข้าสู่ระดับตำนาน

ด้วยการฝึกเคล็ดบ่มเพาะที่เนี่ยหลี่ได้มอบให้พวกเขาร่วมกับอาคมจากค่ายกลจิตวิญญาณ ในไม่ช้าพวกเขาทั้งหมดจะก้าวเข้าสู่ระดับตำนาน หากพวกเขาคนใดได้เป็นศิษย์จ้าวนรกานต์ ตราบนั้นเมืองกลอรี่จะปลอดภัยอย่างแท้จริง

เวลาผ่านไปเขายังคงบ่มเพาะพลังอยู่เงียบๆ

ขณะที่’เนี่ยหลี่’เพ่งความสนใจไปกับการบ่มเพาะ ทันใดนั้นเขาสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่างและลืมตาขึ้น

เขาเดินไปยังทางเข้ากระโจมและเลิกม่าน เมื่อเงยหน้าก็พบ’เซียวหนิงเอ๋อ’กำลังยืนอยู่ข้างนอกด้วยใบหน้าที่แดงปลั่งไปจนถึงลำคอ
เขาไม่รู้ว่านางคิดอะไรอยู่ นางดูมีเสน่ห์น่าหลงใหลกว่าที่เคย ในมือนางมีถาดที่รองชามน้ำแกงตุ๋นอยู่

“หนิงเอ๋อ เจ้ามาทำอะไรที่นี่?”

‘เนี่ยหลี่’ร้องถาม

การปรากฏตัวอย่างกะทันหันและเสียงของ’เนี่ยหลี่’นำความตกใจแก่’หนิงเอ๋อ’เป็นผลให้ถาดในมือนางเสียสมดุลและตกลงพื้นจนน้ำแกงสาดกระจายไปทั่ว

“ไม่ ไม่มีอะไรจ้ะ”

‘หนิงเอ๋อ’ตอบด้วยความประหม่า ขณะเก็บกวาดสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่อย่างเงอะงะ ดวงหน้าของนางเปลี่ยนเป็นแดงระเรื่อพร้อมๆกับทรวงอกที่หอบขึ้นลงอย่างต่อเนื่อง

น้ำแกงหกรดไปทั่วอาภรณ์ของ’หนิงเอ๋อ’ ‘เนี่ยหลี่’จึงช่วยนางเก็บถาดอย่างรวดเร็ว สีหน้าที่มองนางเต็มไปด้วยความสงสัย เขาไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับ’หนิงเอ๋อ’และพบว่าท่าทีของนางนั้นแปลกไปเล็กน้อย

นางสวมใส่เพียงอาภรณ์ไหมบางเบาดูหมดจดแต่แฝงเสน่ห์น่าดึงดูด เมื่อน้ำแกงหกรดลงบนตัวนางจึงเป็นเหตุให้เนื้อผ้าแนบสนิทไปกับผิว เผยให้เห็นนวลเนื้อที่ขาวกระจ่างดุจไข่มุกอยู่เลืองราง และเกาะอกสีชมพูอ่อนนั้นที่ไม่อาจปกปิดเนินทรวงชวนประทับใจได้
พิจดูแล้วให้ยั่วยวนสุดพรรณนา

เห็นเสน่ห์และอาการเขินอายของ’หนิงเอ๋อ’แล้ว’เนี่ยหลี่’ถึงกับไม่รู้จะกล่าวอันใด

“ไม่เป็นไรใช่ไหม? กลับไปแล้วรีบผลัดเปลี่ยนเสื้อเสีย”

เนี่ยหลี่กล่าวอย่างเก้ๆกังๆ

นางก้มหน้าสำรวจร่างกายของตน ‘เซียวหนิงเอ๋อ’พลันกรีดร้องออกมาเล็กน้อยและรีบใช้ถาดปิดทรวงอก นางพูดขณะที่ใบหน้าก้มงุด

“งั้นข้าขอตัวก่อนนะ!”

ทันทีที่เอ่ย นางก็ก้มหน้าจากไปอย่างรวดเร็ว

‘เนี่ยหลี่’จ้องไปยังแผ่นหลังของ’หนิงเอ๋อ’ ความงุนงงฉายชัดบนใบหน้า เหตุใดจึงรู้สึกวันนี้’หนิงเอ๋อ’มีบางอย่างไม่ถูกต้อง?

เขาคิดซ้ำแล้วซ้ำเล่าแต่ก็ไม่พบสาเหตุ เขาจึงทำได้เพียงปล่อยมันไปและหมุนตัวกลับกระโจมของตน

คล้อยหลังเมื่อนางกลับถึงกระโจม พวงแก้ม’เซียวหนิงเอ๋อ’เหมือนจะร้อนฉ่าไปหมดยามนางชำเลืองมองถาดในมือ หัวใจของนางยังคงเต้นระรัวประหนึ่งกระต่ายโผนกระโจน เหตุใดนางจึงสวมเกาะอกที่บางเช่นนี้กัน?

‘เนี่ยหลี่’คงไม่เข้าใจผิดแล้วคิดว่านางเป็นผู้หญิงง่ายๆใช่ไหม?! นางขยี้เท้า ทั้งหมดนี่เป็นแผนบ้าๆของ’เซียวเซวีย’ ที่ให้นางเผยด้านที่น่าอายต่อหน้า’เนี่ยหลี่’!….

จบตอน

แปลโดย อุฮิอุฮิ พิฆาตเพลี้ยะกระโดดด้วยส้นตึก

ที่มา:

ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments