I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Tales of Demons & Gods (妖神记) ตอนที่ 242 ภาวะจิตอนัตตา

| Tales of Demons & Gods (妖神记) | 20295 | 2530 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

ได้ยินดังนั้น เหล่าผู้ที่มัวเมาในความงามของฮวาฮัวถึงกับยั้งความคิดในหัวแทบไม่ทัน พลันเสียววาบไปทั้งสันหลังยามเมื่อจับจ้องไปที่เรียวขาอันหนั่นแน่นของนาง แม้ขาคู่นั้นพิจดูให้เจริญหูเจริญตาเพียงใด แต่พวกเขายังไม่อยากถูกพวกมันรัดตายเสียหน่อย!

ทางฝั่ง’ฮวาฮัว’ ‘ชางหมิ’ง และ’มู่เยี่ย’นั้นล้วนเต็มไปด้วยหนุ่มสาวที่มีความสามารถเลิศล้ำ

อย่างไรก็ตาม นั่นเป็นเพียงส่วนหนึ่งของเด็กรุ่นใหม่ แม้การบ่มเพาะของพวกเขาจะอยู่เพียงระดับแบล็คโกลด์ สิ่งหนึ่งที่ต้องคิดคือข้อเท็จจริงที่ว่าพวกเขาเป็นอัจฉริยะในรุ่น แต่ไม่ใช่ว่าพวกเขาจะไม่สามารถท้าชนกับคนรุ่นเก่าได้เลย

เสียงอันน่าเกรงขามของบริวารดังสะท้อนไปทั่วฝั่งฟ้า

“การทดสอบเริ่ม ณ บัดนี้!”

หนึ่งในบริวารสะบัดมือ พลันพลังสัจธรรมที่ขมวดรวมในอากาศก็แตกกระจายเป็นหมื่นพันส่วน แต่ละส่วนลอยไปหยุดอยู่เบื้องหน้าแต่ละผู้และค่อยๆแปรเปลี่ยนเป็นลูกบอลน้ำโปร่งใสขนาดประมาณศีรษะมนุษย์ กระนั้น ภายในกลับมีเส้นใยเล็กละเอียดไหลเวียนอยู่

‘เนี่ยหลี่’เขม่นคิ้วเมื่อเห็นลูกบอลน้ำตรงหน้า มันก็คือดวงภาพสะท้อนกลับ!

นี่ย่อมเป็นการทดสอบการควบคุมพลังวิญญาณหรือพลังสัจธรรม!

บริวารผู้นั้นประกาศกฎต่ออย่างเยือกเย็น

“สิ่งนี้คือดวงภาพสะท้อนกลับ พวกเจ้าต้องขยายมันโดยการอัดฉีดพลังวิญญาณหรือพลังสัจธรรมของพวกเจ้าเข้าไปผ่านเส้นใยพวกนั้น หากพลังหันเหออกจากเส้นใยลูกบอลน้ำจะระเบิดออก ถ้าขยายได้ 1 เชียะ* ถือว่าผ่านการทดสอบ หาไม่ คือคัดออก!”

1 เชียะ เท่ากับประมาณ 1 ฟุต

หากสามารถควบคุมพลังวิญญาณและพลังสัจธรรม ผู้อ่อนแอก็สามารถพิชิตคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งกว่าได้ นอกจากนี้ มันยังแสดงให้เห็นถึงความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในพลังทั้งสองของคนผู้นั้นอีกด้วย

เมื่อดวงภาพสะท้อนกลับปรากฏ ผู้เยี่ยมยุทธ์ต่างอดไม่ได้ที่จะทดสอบมัน

เหล่าผู้เยี่ยมยุทธ์วางมือลงบนผิวดวงภาพสะท้อนกลับ ทันใดนั้นพลังวิญญาณจากฝ่ามือพวกเขาก็หลั่งไหลสู่เส้นใยที่อยู่ภายในลูกบอล

แต่อย่างไร หนึ่งในลูกบอลเหล่านั้นก็ระเบิดออกในเวลาต่อมา ใบหน้าของคนผู้นั้นจับจ้องความว่างเปล่าเบื้องหน้าอย่างผิดหวังขณะพยายามทำความเข้าใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่

พลันปรากฏลวดลายจารึกเรียงตัวอยู่ใต้ฝ่าเท้าและเปล่งแสงพิสุทธิ์ปกคลุมตัวเขา สิ้นเสียงเขาก็หายไปจากชั้นเจ็ดแดนมรณะเก้าชั้น

หลังจากนั้นผู้เยี่ยมยุทธ์คนอื่นๆต่างก็พยายามอัดพลังวิญญาณเข้าไปในลูกบอลน้ำ กระนั้นก็มีไม่น้อยที่กลายเป็นลำแสงสีขาวแล้วอันตรธานหายไป

‘เนี่ยหลี่’เหลือบมองไปรอบๆซึ่งตอนนี้เหลือคนเพียงไม่กี่ร้อย เข้ารู้ว่ามีผู้เยี่ยมยุทธ์หลายคนที่ไม่เข้าใจว่าทำไมลูกบอลน้ำถึงระเบิด เหตุที่พวกมันระเบิดนั้นก็เหมือนกับเหตุผลที่ทำไมมันถึงถูกเรียกว่าดวงภาพสะท้อนกลับ เป็นเพราะเส้นใยที่เห็นว่าอยู่ในลูกบอลน้ำนั้นไม่ใช่ของจริง เส้นใยของจริงเราจะมองไม่เห็น แต่จะรู้สึกถึงมันได้โดยใช้พลังวิญญาณในการค้นหา

‘ลู่เพียว’มอง’เนี่ยหลี่’และถาม

“เนี่ยหลี่ มันเล่นยังไงอ่ะ?”

“หลับตาแล้วใช้พลังสัจธรรมของเจ้าสัมผัสเส้นใยพวกนั้นสิ!”

‘เนี่ยหลี่’หัวเราะ

“อย่างนี้นี่เอง! ข้าเข้าใจล่ะ”

ดวงตาของ’ตู่ซือ’สว่างวาบ เขาช่างเป็นอัจฉริยะยิ่ง เพียงคำแนะนำเล็กๆน้อยๆก็เข้าใจแล้ว เขาวางมือลงบนลูกบอลน้ำช้าๆและเริ่มอัดพลังวิญญาณลงไป

ผู้ที่ถูกคัดออกเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ พวกที่เหลืออยู่ก็ได้แต่ขวัญผวาแถมช่วยอะไรก็ไม่ได้ ถึงอย่างไรยังมีผู้ที่ผ่านการทดสอบบ้างแล้ว

พลังสัจธรรมของชางหมิงขยายลูกบอลได้ถึงสามเชียะก่อนมันจะระเบิดออก

เมื่อได้เห็นฉากนั้น เหล่าบริวารที่เหาะอยู่บนฟ้าต่างพยักหน้าเบาๆ ดูท่าในบรรดาเด็กรุ่นใหม่ยังพอจะมีผู้ที่ความสามารถเข้าเค้าอยู่บ้าง

หลัง’ชางหมิง’ทดสอบเสร็จ เขาก็หันไปเผชิญหน้ากับ’มู่เยี่ย’ ‘ฮวาฮัว’ และพวกที่เหลือซึ่งยืนห่างออกไปอย่างองอาจ ในหมู่คนรุ่นใหม่ มีเพียงพวกนั้นที่ดึงดูดความสนใจของ’ชางหมิง’ได้

‘มู่เยี่ย’อัดพลังสัจธรรมเข้าไปในลูกบอล ขณะที่มันขยายใหญ่อย่างต่อเนื่อง ไม่กี่อึดใจมันก็ระเบิดออก

“หนึ่งเชียะ!”

‘ชางหมิง’ชำเลืองไปทาง’มู่เยี่ย’ซึ่งส่งยิ้มบางๆให้เขา ‘ชางหมิง’แค่นเสียงอย่างเย็นชาเมื่อตระหนักได้ว่า’มู่เยี่ย’กำลังแสร้งงำพลังของตัวเอง จนถึงบัดเขาก็ยังไม่รู้ถึงความแข็งแกร็งที่แท้จริงของ’มู่เยี่ย’

‘ฮวาฮัว’วางมือลงบนดวงภาพสะท้อนกลับของเธอและอัดพลังสัจธรรมเข้าไปเช่นกัน มันระเบิดออกเมื่อขยายได้สามเชียะ

เห็นเช่นนั้น’ชางหมิง’ก็คิ้วกระตุก อย่างน้อยในการควบคุมพลังสัจธรรม’ฮวาฮัว’ก็ไม่ด้อยไปกว่าเขา ทั้ง’มู่เยี่ย’และ’ฮวาฮัว’จะเป็นคู่แข่งที่เคี้ยวยากในการคัดเลือกศิษย์จ้าวนรกานต์อย่างแท้จริง!

ผลการทดสอบออกมาคนแล้วคนเล่า หลายคนที่ผ่านเกณฑ์หนึ่งเชียะ พวกที่ได้สองเชียะยังนับว่าน้อย ที่ได้ถึงสามเชียะยิ่งแทบนับนิ้วได้

“ช่างเป็นการทดสอบที่เปล่าประโยชน์นัก!”

จอมมารหันไปยังดวงภาพสะท้อนกลับที่อยู่เบื้องหน้าเขาและวางมือขวาลงไป พลังสัจธรรมหลั่งไหลออกมาหนึ่งเชียะ สองเชียะ สามเชียะ พลังสัจธรรมโคจรอยู่ภายในดวงภาพสะท้อนกลับอย่างไม่มีที่สิ้นสุด กระทั่งขยายได้ถึงเจ็ดเชียะจึงระเบิดออก

กระนั้น กลับไม่ค่อยมีคนสังเกตเห็นสิ่งที่จอมมารกระทำ

เห็นดังนั้น บริวารที่อยู่บนท้องฟ้าถึงกับเขม่นคิ้ว เขาไม่คิดว่าในหมู่คนเหล่านั้นจะมีผู้ที่มีพลังมากมายขนาดนี้ ด้วยพลังที่สุดยอดถึงเพียงนี้ บางทีแม้แต่จ้าวนรกานต์ยังต้องชื่นชมและยกย่องเขาเป็นพิเศษ

ณ เวลานั้น การทดสอบของ’เนี่ยหลี่’และกลุ่มของเขาก็เสร็จลุล่วง

“ฮ่าๆๆๆ พลังสัจธรรมของข้าขยายเจ้าบอลนี่ได้มากกว่าสองเชียะ!”

‘ลู่เพียว’เท้าสะเอวตะโกนอย่างตื่นเต้น

“จริงๆแล้วข้านี่แหละอัจฉริยะ!”

“ของข้าได้มากกว่าสามเชียะ พวกเจ้าล่ะ?”

‘เว่ยหนาน’มองไปยังพรรคพวกที่เหลือ

“สามเชียะกว่าๆ”

“สามเชียะกว่าๆเหมือนกัน!”

เสียงของ’ซูเซียงจิ้ง’, ‘เซียวซุ่ย’ และคนอื่นๆดังก้อง

แต่ละคำตอบทำให้’ลู่เพียว’ถึงกับหน้ามู่ทู่เป็นเข่งปลาทู ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาแย่ที่สุดในกลุ่ม! ถ้าแม้แต่’เว่ยหนาน’และคนอื่นยังได้สามเชียะ ก็ไม่ต้องถามถึงไอ้เวร’เนี่ยหลี่’ ‘ลู่เพียว’จิตตก ทำไมเขาต้องเป็นคนที่รั้งท้ายตลอดด้วยอ่ะ?

“พวกเจ้าล่ะ?”

‘เนี่ยหลี่’มองไปที่’เอียจื่ออวิน’ ‘เซียวหนิงเอ๋อ’ และ’ต้วนเจี้ยน’

‘เอียจื่ออวิน’นึก

“ข้าได้ห้าเชียะ”

“ข้าก็เช่นกัน”

‘เซียวหนิงเอ๋อ’ตอบขณะเหลือบมอง’เอียจื่ออวิน’ ความสามารถของพวกนางแท้จริงแล้วไม่ห่างกันเลย

“ข้าได้เพียงสี่เชียะ”

‘ต้วนเจี้ยน’กล่าว

“ข้าก็ได้ห้าเชียะ เจ้าล่ะเนี่ยหลี่?”

‘ตู่ซือ’มองไปที่’เนี่ยหลี่’แล้วถาม

ความจริงที่ว่า’ตู่ซือ’ทำได้ถึงห้าเชียะยังความประหลาดใจให้’เนี่ยหลี่’เล็กน้อย ความสามารถของ’ตู่ซือ’ไม่ต่างไปจาก’เอียจื่ออวิน’และ’เซียวหนิงเอ๋อ’นัก

ถึงอย่างไร เมื่อเขานึกย้อนถึงชีวิตที่แล้ว พรสวรรค์ของ’ตู่ซือ’ไม่ได้มากมายอะไรเลย แต่ด้วยไหวพริบและการฝึกตนอย่างหนัก ผลสัมฤทธิ์ที่ได้จึงเยี่ยมยอดเป็นอย่างยิ่ง

“สองเชียะเอง”

‘เนี่ยหลี่’หัวเราะ

“555+ ในที่สุดก็มีคนเท่าข้า”

‘ลู่เพียว’ระเบิดหัวเราะทันที

ทุกคนต่างจ้องไปที่’ลู่เพียว’ประหนึ่งมองไอ้บ้าเสียสติ เสียงหัวเราะของเขาหยุดลงทันทีที่ตระหนักถึงความจริง เขามอง’เนี่ยหลี่’อย่างน้อยใจและกล่าวด้วยน้ำเสียงหดหู่

“เนี่ยหลี่ เจ้ามักแสร้งทำเป็นเหยื่อแต่สุดท้ายก็จับผู้ล่ากิน เชอะ น่าเบื่อ!”

ย้อนกลับไปในช่วงที่มีการทดสอบของสำนักกล้วยไม้ศักดิ์สิทธิ์ ‘เนี่ยหลี่’ทำคะแนนได้ 100 ทั้งสามครั้งจนทำให้’เสิ่นซิว’แทบสำรอกออกมาเป็นเลือด ฉากนั้นยังคงสดใหม่ภายในหัวของ’ลู่เพียว’ราวกับมันเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวันวาน

‘เนี่ยหลี่’ยักไหล่ ของอย่างดวงภาพสะท้อนกลับนั้นเขาเคยเล่นไปหลายสิบรอบแล้วในระหว่างการฝึกเมื่อชีวิตก่อน แม้เขาจะไม่สามารถนำความแข็งแกร่งในตอนนั้นกลับมาด้วยได้ แต่เคล็ดในการควบคุมพลังยังคงฉายชัดอยู่ในความทรงจำ การควบคุมพลังของเขาไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาจะสามารถเทียบด้วยได้ กระนั้นในการทดสอบนี้ เขาตั้งใจเอาเพียงแค่ผ่าน

ขณะนั้น เหล่าบริวารได้กวาดสายตาไปยัง’ตู่ซือ’ ‘เอียจื่ออวิน’ และพวกที่เหลือในกลุ่มด้วยความอัศจรรย์ใจ โดยทั่วไป อัจฉริยะวัยเยาว์มีเพียงหนึ่งในหมื่นซึ่งยากที่จะพบ แล้วเหตุใดกลุ่มนี้ถึงมีเหล่าอัจฉริยะรวมตัวกันมากมายถึงเพียงนี้?!

หลายผู้ในนั้นทำได้ 5 เชียะ แม้พวกเขาจะด้อยกว่าเล็กน้อยหากเปรียบกับคนก่อนหน้าที่ได้ถึงเจ็ดเชียะ แต่เห็นได้ชัดว่าพวกเขานั้นเยาว์วัยกว่า จึงไม่อาจเดาได้เลยว่าในอนาคตพวกเขาจะประสบความสำเร็จถึงขนาดไหน

นอกจากกลุ่มนี้ยังมีเหล่าประมุขจากตระกูลทรงอิทธิพลที่ทำได้ถึงสาม สี่ และห้าเชียะ ซึ่งนับว่าเหมาะสม ถึงอย่างไร ในหมู่พวกเขานั้นเอาเข้าจริงก็ไร้ผู้ที่สามารถทำได้ถึงเจ็ดเชียะ

*วูม!* *วูม!* *วูม!*

เหล่าผู้ที่ไม่ผ่านต่างถูกส่งกลับไป แรกมาเยือนผู้คนนับแสน หลังทดสอบกลับเหลือเพียงไม่กี่พัน

บริวารบนฟากฟ้าพยักหน้า เห็นได้ชัดว่าค่อนข้างพอใจกับผลการทดสอบ

“พวกเจ้าที่ยังคงอยู่ ณ ที่นี้ผ่านการทดสอบแรกแล้ว ในลำดับถัดไปข้าจะส่งพวกเจ้าไปสู่ชั้นแปดแดนมรณะเก้าชั้น ที่นั่นจะมีผู้อื่นควบคุมการทดสอบที่สองให้!”

เสียงของบริวารผู้นั้นค่อยๆจางหาย บัดนี้ทุกผู้ต่างกลายเป็นลำแสงสีขาวแล้วอันตรธานหายไป

ชั้นเจ็ดที่ก่อนหน้านี้เนืองแน่นไปด้วยผู้คนว่างเปล่าทันที เพียงครู่ก็ปรากฏสัตว์อสูรจำนวนนับไม่ถ้วนออกมาจากอากาศ นี่ย่อมเป็นภาพลักษณ์ดั้งเดิมของชั้นเจ็ด

บริวารผู้นั้นลอยอยู่ในอากาศอย่างสงบพลางทอดสายตาไปไกล

“ข้าชักอยากรู้ว่าในคราวนี้จ้าวนรกานต์จะพบผู้ที่เหมาะสมหรือไม่?”

ชั้นแปดแดนมรณะเก้าชั้น

ภายในแดนดินอันเวิ้งว้าง ทันใดนั้นพลันปรากฏฝูงคนออกมาจากความว่างเปล่า ที่นี่แผ่นดินมีร่องรอยแตกระแหงทั้งเปลวไฟสีกุหลาบที่ลามเลียท้องนภา ความร้อนระอุชอนไชทุกคนเสียจนถ้าพวกเขาอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าแบล็คโกลด์ ท่ามกลางการสันดาปตามธรรมชาติเช่นนี้คงไม่พ้นต้องพบจุดจบเป็นแน่

‘เนี่ยหลี่’เคยสงสัยว่าสถานที่อย่างแดนมรณะเก้าชั้นจะเป็นเช่นใด เมื่อเห็นภาพที่อยู่เบื้องหน้า จากที่เขาเข้าใจ ตอนนี้พวกเขาย่อมอยู่ที่ไหนสักแห่งในเขตเวิ้งอัคคี

บริวารในจ้าวนรกานต์ที่ยืนอยู่บนฟากฟ้านั้นสวมเกราะทอง มีปีกสีเดียวกันกางขยายอยู่กลางแผ่นหลังรับกับร่างกายสูงใหญ่ เหล่าบริวารล้วนแล้วแต่อยู่ในระดับเซียน กระนั้นพวกเขาที่ได้รับพลังจากจ้าวนรกานต์ ความแข็งแกร่งของพวกเขาจึงไม่อาจเทียบได้กับผู้เยี่ยมยุทธ์ระดับเซียนทั่วไป

บริวารผู้นั้นปรายตามองผู้คนเบื้องหน้าแล้วกล่าวเสียงเย็น

“แม้รอบนี้จะไม่มีผู้ใดตาย แต่จงระวัง! การทดสอบที่สองนี้! หากประมาทพวกเจ้าก็ไม่อาจหลีกหนีความตายได้! ณ ที่แห่งนี้ มีป้อมปราการอันธสูร ซึ่งถูกผู้เยี่ยมยุทธ์ทรงอิทธิฤทธิ์ทิ้งร้างไว้”

“ในป้อมปราการมีทั้งเพลิงอนธการชั้นสูงและเหล่าสัตว์อสูร แม้พวกมันจะถูกล่ามไว้ก็ยังสามารถปล่อยกระแสพลังทรงอานุภาพได้ พวกเจ้าต้องฝึกตนในสภาวะแวดล้อมเช่นนั้นเป็นเวลาสิบวัน ผู้ที่สามารถเข้าถึงการบ่มเพาะภาวะจิตอนัตตาระดับหนึ่งได้จะผ่านการทดสอบ!”

สิ้นคำของบริวาร เหล่าผู้เยี่ยมยุทธ์ระดับตำนานกระทั่งระดับเซียนบางคนถึงกับตกอยู่ในความฉงนและอับจนหนทางอย่างสมบูรณ์ สิ่งใดคือการบ่มเพาะภาวะจิตอนัตตา?

“เข้าถึงการบ่มเพาะภาวะจิตอนัตตาท่ามกลางเพลิงอนธการ น่าสนใจดีนี่!”

จอมมารเขม่นคิ้ว นัยน์ตาทอดยาวไปยังจุดสิ้นสุดของแดนรกร้าง ที่ซึ่งหอคอยอันโอ่อ่าท่ามกลางเพลิงอนธการตั้งอยู่ นั่นย่อมเป็นป้อมปราการอันธสูรที่บริวารผู้นั้นเพิ่งเอ่ยถึงเป็นแน่!..

จบตอน

แปลโดย อุฮิอุฮิ พิฆาตเพลี้ยะกระโดดด้วยส้นตึก

ที่มา:

ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments