I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Tales of Demons & Gods (妖神记) ตอนที่ 244 กิเลนฟ้าที่ชั่วร้าย

| Tales of Demons & Gods (妖神记) | 19204 | 2530 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

‘เนี่ยหลี่’และพวกเพ่งสมาธิไปที่การฝึก ขณะเดียวกันจอมมารได้ยืนขึ้นอย่างช้า ๆ

ขณะที่จอมมารขยับตัว ‘ต้วนเจี้ยน’กำดาบเพลิงทมิฬแน่นขึ้น จ้องมองด้วยสายตาที่เย็นชาไปที่จอมมารพร้อมกับเตรียมตัวสู้กับเขาทุกขณะ ‘ต้วนเจี้ยน’สังเกตและรับรู้ได้ถึงความเป็นศัตรูที่ทอประกายมาจากแววตาของจอมมารเมื่อตอนที่ได้สบสายตากับ’เนี่ยหลี่’

ความแข็งแกร่งของเขาลึกสุดจะหยั่งถึง อย่างน้อยที่สุดเขาต้องก้าวไปถึงระดับเซียนแล้วอย่างแน่นอน จอมมารเพียงแค่ปรายตามองไปที่’ต้วนเจี้ยน’ก่อนที่จะเดินขึ้นไปที่ชั้น3

หลังจากมองจอมมารเดินจากไป ‘ต้วนเจี้ยน’ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก เขารู้สึกได้ว่าความแข็งแกร่งของฝ่ายตรงข้าม ไม่ใช่สิ่งที่จะรับมือได้ง่าย ๆ ถ้าหากว่าเกิดการต่อสู้กันขึ้น โอกาสที่’ต้วนเจี้ยน’จะชนะมีไม่สูงมาก อย่างไรก็ดีตั้งแต่คณะอื่น ๆ มุ่งหน้าขึ้นไปที่ชั้น3 มันก็ไม่มีปัญหาอะไรเกิดขึ้น มันจะดีกว่าถ้าพวกเขาไม่ได้เริ่มทำอะไรก่อนจอมมารเพิ่งจากไป

‘ชางหมิง’ก็ยืนขึ้นมุ่งตรงไปที่ชั้น 3 เช่นเดียวกัน ‘ชางหมิง’จ้องมองไปที่จอมมารด้วยสายตาที่เป็นปฏิปักษ์ เขารู้สึกได้ว่าความแข็งแกร่งของจอมมารนั้นไม่ได้ด้อยไปกว่าเขาเลย อย่างไรก็ตาม’ชางหมิง’ก็ไม่ได้มีความคิดที่ก่อปัญหาอะไรขึ้นเขาพียงแค่เดินขึ้นไปชั้น 3 เท่านั้น

จอมมารล่วงหน้าไปก่อน ‘ชางหมิง’หวังจะเป็นคนแรกที่จะได้ไปถึงชั้น 3 ดังนั้นเขาจึงเร่งฝีเท้าเดินล่วงหน้าจอมมารขึ้นไป จอมมารขมวดคิ้วแต่เขาไม่ได้ต่อสู้อะไรกับ’ชางหมิง’เพียงแต่เดินตามหลังเขาขึ้นไปแล้วคนทั้งสองก็เดินหายลับไป การอยู่บนชั้นที่ 2 เป็นงานที่ยากมากแต่นั่นก็เทียบไม่ได้กับการเดินขึ้นไปบนชั้นที่ 3

หลังจากที่ทุกคนมอง ‘มู่เยี่ย’กับ’ฮวาฮัว’ก็ยืนขึ้นทั้งคู่และมุ่งไปยังชั้น3 ของหอคอยเพลิงทมิฬ

ผู้อาวุโสของตระกูลบางคนทำได้เพียงแต่อยู่บนชั้นแรก แม้ว่าการบ่มเพาะพลังของพวกเขานั้นจะล้ำหน้าไปกว่า’ชางหมิง’และพวก แต่เป็นเพราะว่าเพลิงของหอคอยเพลิงทมิฬนั้นสามารถลบล้างการบ่มเพาะพลังของพวกเขาได้ ดังนั้นจึงมีเพียงแค่คนที่มีพลังวิญญาณสูงส่งเท่านั้นถึงจะไปต่อได้

กลุ่มคนบางส่วนได้ลุกขึ้นและมุ่งหน้าต่อไปยังชั้นที่ 3 พลังวิญญาณของ’เนี่ยหลี่’ล่องลอยไปในดินแดนที่เรียกได้ว่าเป็นดินลึกลับที่ทับซ้อนกันอย่างต่อเนื่อง“ไม่มี, ปลายทาง, เมื่อ, ไม่มี, จุดเริ่มต้น ,ไม่มี, จุดเริ่มต้น, ก็, ไม่มี, จุดสิ้นสุด”ประโยคนี้ก้องอยู่ในหูของ’เนี่ยหลี่’อย่างต่อเนื่อง ราวกับว่าได้รับการส่งเสริมจากบทสวดนี้ เถาวัลย์ในขอบเขตวิญญาณของ’เนี่ยหลี่’ก็แตกใบเพิ่มขึ้นแล้วดอกตูมดอกหนึ่งก็ปรากฏดอกตูมดอกนั้นพองโตราวกับว่าพร้อมจะผลิบานออกมาได้ทุกเมื่อ

*บูมๆ ๆ*

จากบทสวดนั้น พลังงานเทพทั้ง 3 ก็ได้พุ่งเข้ากระแทกกำแพงที่ปิดกั้นเนี่ยหลี่จาก ระดับตำนานอย่างต่อเนื่องราวกับคลื่นสึนามิที่พุ่งกระแทกโขดหิน

*!*

แรงกระเพื่อมของพลังวิญญาณที่ทรงพลังได้กวาดไปทั่วอาญาเขตวิญญาณของเขาและแล้วกำแพงที่ปิดกั้นเขาจาก ระดับตำนาน ก็ได้พังทลายลง พลังสัจธรรมที่เพิ่มขึ้นก็ได้อาบท่วมไปทุกทิศทุกทาง

ไม่เพียงแต่พลังวิญญาณของ’เนี่ยหลี่’จะเพิ่มขึ้นเท่านั้นพลังวิญญาณยังไหลผ่านไปยัง’เอียจื้ออวิ้น’ ‘เซี่ยวหนิงเอ๋อ’และพวกในกลุ่มด้วยมันเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่และน่าเกรงขาม

แม้ว่า’เนี่ยหลี่’จะเพิ่งเลื่อนขั้นจาก ระดับแบล็คโกลด์  5 ดาวไปเป็น  ระดับตำนาน  ก็ตาม แต่ความหนาแน่นของพลังสัจธรรมในตัวเขาก็มีมากกว่าบางคนในระดับเดียวกันถึง10 เท่า และพลังสัจธรรมที่ว่านั้นก็ยังถูกเติมเข้าไปในอาณาเขตวิญญาณ’เอียจื้ออวิ้น’ และพวกอีกด้วย

‘เอียจื้ออวิ้น’ ‘เซี่ยวหนิงเอ๋อ’และพวกที่กำลังบ่มเพาะระดับพลังอยู่ก็รู้สึกถึงระดับแรงดันของพลังที่ยิ่งใหญ่นี้ได้ พลังสัจธรรมกระจายอยู่ในขอบเขตวิญญาณ  ทำให้พวกเขาต้องขมวดคิ้วออกมาเพราะขอบเขตวิญญาณของพวกเขานั้นรองรับพลังสัจธรรมที่รุนแรงขนาดนี้ไม่ได้ ภายใต้ความกดดันของพลัง ขอบเขตของวิญญาณพวกเขาได้ขยายใหญ่โตขึ้นอย่างควบคุมไม่ได้

หลังจากนั้นเพียงชั่วครู่เดียวพวกเขาก็ต้องลืมตาขึ้นมาแล้วหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ทุกคนเหงื่อออกท่วมตัวพวกเขาไม่สามารถรับมือกับพลังสัจธรรมมหาศาลที่มาจาก’เนี่ยหลี่’ได้

ถึงอย่างนั้นการบ่มเพาะพลังของแต่ละคนก็ก้าวหน้าไปแบบก้าวกระโดด ‘เอียจื้ออวิ้น’ ‘เซี่ยวหนิงเอ๋อ’และ’ตู่ซื่อ’ได้ก้าวไปถึงขั้น  ระดับตำนาน 2 ดาว ขณะที่’ลู่เพียว’และคนอื่น ๆยังอยู่ที่ขั้น ระดับตำนาน 1 ดาวพวกเขามองไปที่’เนี่ยหลี่’ที่ยังคงหลับตาบ่มเพาะพลังด้วยความรู้สึกหวาดกลัวเกาะกุมอยู่ในจิตใจของพวกเขา

ขนาดขอบเขตวิญญาณของ’เนี่ยหลี่’น่ากลัวเกินไป แค่พลังที่ล้นออกมาก็สามารถเติมเต็มขอบเขตวิญญาณพวกเขาได้หลายครั้งหลายหนแล้ว ถ้าวิญญาณของพวกเขาไม่แข็งแกร่งพอขอบเขตวิญญาณของพวกเขาจะต้องระเบิดออกมาแน่นอน

 “เจ้าหมอนี่แปลกประหลาดมาก”

‘ลู่เพียว’ที่นั่งอยู่อีกฟากนึงพูดขึ้นมาคลื่นพลังที่น่ากลัวนั่นเกือบจะเอาชีวิตของเขาไปซะแล้ว

ทันทีที่’เนี่ยหลี่’ลืมตาขึ้นมาอย่างกะทันหันนั้นก็มีลำแสงพุ่งออกจากตาของเขา ตอนนี้’เนี่ยหลี่’ก้าวไปถึงขั้น ระดับตำนาน แล้ว และจากการที่สามารถควบคุมพลังสัจธรรมทั้ง3 ถ้าหากว่าเขาสู้กับคนในระดับ เซียน ในตอนนี้ ‘เนี่ยหลี่’ก็ไม่ได้ด้อยกว่าเลย แม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่รู้ว่าระดับพลังของเขานั้นน่ากลัวขนาดไหน’เนี่ยหลี่’พูดขึ้นมาอย่างสงบ

“ขึ้นไปชั้น 3 กันเถอะ”

ออร่าน่ากลัวที่มาจาก’เนี่ยหลี่’ทำให้คนระดับ เซียน ในชั้น2 หลายคนต้องขวัญหนีดีฝ่อ คนเหล่านั้นอดพุ่งความสนใจไปที่’เนี่ยหลี่’ไม่ได้ประกายตาของพวกเขาเหล่านั้นเต็มไปด้วยความพิศวงที่ไม่สามารถจะพูดออกมาได้พวกเขารู้สึกถึงอันตรายของออร่าที่เล็ดลอดออกมาจากตัว’เนี่ยหลี่’  เป็นบางสิ่งที่แม้แต่พวกเขาก็ไม่อาจต่อกรได้

คนคนนี้ไปตอแยด้วยไม่ได้แน่ ๆ นี่เป็นความรู้สึกแรกที่แว่บเข้ามาในจิตใจของคนเหล่านั้นท่ามกลางสายตาที่มองมา’เนี่ยหลี่’และพวกก็ได้มุ่งหน้าขึ้นไปยังชั้นที่ 3อาณาบริเวณของชั้นที่ 3 มีพื้นที่แค่ไม่กี่สิบตารางเมตร

เมื่อ’เนี่ยหลี่’และพวกได้เหยียบย่างขึ้นมาบนชั้นนี้เสียงคำรามอย่างดุร้ายบ้าคลั่งก็กระหน่ำใส่หูของพวกเขา เสียงคำรามนี้ทำให้ทุกคนหน้าเปลี่ยนสี พวกเขารู้สึกเหมือนแก้วหูแทบจะระเบิดและเมื่อหันไปทางต้นเสียงพวกเขาก็เห็นกำแพงที่เต็มไปด้วยตาข่ายโซ่เหล็กกล้าคล้ายใยแมงมุมขึงไว้และตรงกลางนั้นมีร่างของสัตว์อสูรขนาดมหึมากำลังคำรามอย่างบ้าคลั่ง

และเมื่อสัตว์อสูรตัวนั้นเห็นคนกำลังเข้ามาก็ดิ้นรนอย่างเกรี้ยวกราดเพื่อให้ตัวมันหลุดพ้นจากพันธนาการอย่างไรก็ตามจารึกอักขระบนโซ่เหล็กกล้านั้นก็เริ่มเปล่งพลังงานที่แข็งแกร่งออกมา แล้วสัตว์อสูรตัวนั้นถูกก็ถูกยกขึ้นมาแล้วเหวี่ยงไปปะทะกับกำแพง

‘เนี่ยหลี่’ชะโงกหัวมาสังเกตุดูสัตว์อสูรตัวนั้น สัตว์อสูรตัวนั้นมีรูปร่างคล้ายกวางผสมกันกับเสือและมีเขางอกออกมาบนหัวทั่วตัวของมันปกคลุมไปด้วยเกล็ดสีดำทมิฬ

“เนี่ยหลี่นี่มันตัวอะไรน่ะ”

‘เอียจื้ออวิ้น’ถามมาด้วยความตกใจ

เธอรู้สึกได้ว่าสัตว์อสูรตัวนี้เป็นสัตว์อสูรธาตุไฟกับสายฟ้า ‘ลู่เพียว’และพวกตกใจจนตัวสั่น ฤทธิ์เดชของสัตว์อสูรตัวนี้มีมากมายมหาศาลจนน่าตกใจ ถ้าสัตว์อสูรตัวนี้หลุดออกมาพวกเขาทั้งหมดคงไม่มีปัญญาที่จะเอาชนะมันได้

แม้ว่าสัตว์อสูรตัวนี้จะถูกล่ามเอาไว้แต่ดูราวกับว่ามันจะสามารถหลุดออกมาได้ทุกเมื่อ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่กล้าคิดที่จะประมาท ‘ตู่ซื่อ’ ‘ต้วนเจี้ยน’และทุกคนจึงชักอาวุธประจำตัวของแต่ละคนออกมาเตรียมพร้อมเอาไว้ เมื่อ’เนี่ยหลี่’เห็นสัตว์อสูรตัวนั้นก็หัวเราะออกมาแล้วพูดว่า

“ตู่ซื่อวันนี้เจ้าโชคดีสุด ๆ เลย”

“ข้าโชคดี???”

‘ตู่ซื่อ’งงเล็กน้อย

‘เนี่ยหลี่’หันไปมองสัตว์อสูรตัวนั้นแล้วยิ้มบอกว่า

“สัตว์อสูรตัวนี้มีชื่อว่ากิเลนฟ้า”

“กิเลนฟ้า!!!”

‘ลู่เพียว’ตาโตขึ้นมาด้วยความปรารถนา

“เป็นมายังไงถึงได้เรียกว่ากิเลนฟ้าล่ะเนี่ย”

‘เอียจื้ออวิ้น’และ’เซี่ยวหนิงเอ๋อ’งงเล็กน้อย พวกหล่อนมองไปที่’เนี่ยหลี่’ ‘ลู่เพียว’และ’ตู่ซื่อ’

“ขอบเขตวิญญาณของตู่ซื่อเป็นขอบเขตวิญญาณที่เรียกว่าเมฆหมอกกิเลนฟ้า ดังนั้นกิเลนฟ้าจึงเหมาะสมกับเขามากที่สุด”

‘ลู่เพียว’อธิบาย

ถ้าจำไม่ได้ดูรูปมาจากมังงะตอนที่ 15 ว่าแต่ว่า’ลู่เพียว’แกจำได้ด้วยเหรอ ด้วยคำอธิบายของ’ลู่เพียว’ ทุกคนจึงเข้าใจว่าทำไม’เนี่ยหลี่’ถึงบอก’ตู่ซื่อ’ว่าวันนี้เจ้าโชคดี

‘ตู่ซื่อ’รู้ว่ากิเลนฟ้าเป็นดวงจิตอสูรที่เหมาะกับเขามากที่สุดพวกเขาไม่เคยรู้เลยว่ากิเลนฟ้ามีรูปร่างหน้าตายังไงจนกระทั่งได้มาเห็นในวันนี้ยังไงก็ตามกิเลนฟ้าก็แข็งแกร่งมากเกินไป แม้ว่ามันถูกกักขังในสถานที่แห่งนี้ก็ยังไม่มีใครสามารถฆ่ามันและครอบครองดวงจิตอสูรของมันได้

ประกายสายฟ้าแพร่กระจายออกมาจากตัวกิเลนฟ้า ขนของมันลุกตั้งชัน ร่างของมันนั้นสูง 5-6 เมตร ดวงตาที่น่ากลัวของมันดูเหมือนระฆังทองแดงมันเดินลากโซ่เข้ามาหา’เนี้ยหลี่’ด้วยความกราดเกรี้ยวและมองไปที่กลุ่มของ’เนี่ยหลี่’

“พวกที่มาชั้นนี้ก่อนเราคงจะไม่โดนเจ้าตัวนี้กินไปแล้วใช่มั๊ย”

‘ลู่เพียว’ถาม

“ถูกล่ามเอาไว้อย่างนี้มันจะไปกินใครเขาได้”

‘ตู่ซื่อ’กลอกตาไปที่’ลู่เพียว’แล้วพูดต่อ

“บางทีพวกนั้นอาจจะไปชั้นที่สูงกว่านี้แล้วก็ได้”

“เนี่ยหลี่กิเลนฟ้านี่อยู่ในระดับไหนเหรอ”

‘ลู่เพียว’ถามมาด้วยความอยากรู้อยากเห็น

“กิเลนฟ้าตัวนี้ยังไม่โตเต็มวัยดังนั้นโซ่พวกนี้ถึงล่ามมันไว้ได้ เมื่อมันโตเต็มวัยถึงแม้ข้าก็บอกพวกเจ้าตอนนี้พวกเจ้าก็คงไม่เข้าใจเทพแห่งจิตวิญญาณเทียบได้กับระดับขอบเขตชะตาสวรรค์ชะตาฟ้า เหนือขึ้นไปจากขอบเขตชะตาสวรรค์ก็มีขอบเขตดาราสวรรค์ขอบเขตแกนสวรรค์ มังกรแห่งเต๋า และสงครามบรรพกาล แม้กระทั่งกิเลนฟ้าชั้นต่ำสุดก็ยังถือว่าอยู่ในระดับมังกรแห่งเต๋าระดับ6 ดาว”

จากคำอธิบายของ’เนี่ยหลี่’ทุกคนก็ต่างตกตะลึงเมื่อรู้ว่ายังมีขอบเขตที่ระดับสูงขึ้นไปกว่าระดับเทพแห่งวิญญาณเดิมทีพวกเขาคิดว่าระดับเทพแห่งวิญญาณเป็นระดับที่สูงที่สุดแล้ว

เมื่อก่อน’เนี่ยหลี่’ไม่ได้บอกเรื่องนี้ให้พวกเขารู้เพราะพวกเขายังไปไม่ถึงระดับ ระดับตำนาน ดังนั้นจึงยังไม่จำเป็นต้องรู้ ตราบที่ยังไม่มีเรื่องของอาณาจักมังกรหายนะเข้ามาเกี่ยวข้องระดับตำนาน ก็แค่เป็นจุดเริ่มต้นของบ่มเพาะพลังที่แท้จริง

ระดับพลังของกิเลนฟ้าทำให้’ตู่ซื่อ’ตะลึง ถึงแม้ว่ากิเลนฟ้าตรงหน้าเขาจะยังไม่โตเต็มวัยแต่มันก็ยังคงมีศักยภาพที่ไม่สิ้นสุด’เนี่ยหลี่’นิ่งไปชั่วครู่ ถึงแม้ว่าตอนนี้ดวงจิตอสูรที่ตู่ซื่อรวมร่างด้วยจะมีพัฒนาการระดับพระเจ้าแล้วก็ตามแต่มันก็เทียบกับกิเลนฟ้าไม่ได้เลยโดยเฉพาะอย่างยิ่งกิเลนฟ้าเป็นดวงจิตอสูรที่เหมาะกับชนิดขอบเขตวิญญาณของ’ตู่ซื่อ’ที่สุด

‘ตู่ซื่อ’เปรียบเสมือนพี่น้องของ’เนี่ยหลี่’คนหนึ่ง เมื่อ’ตู่ซื่อ’มาเจอโอกาสงามๆ ที่จะได้ครอบครองดวงจิตกิเลนฟ้า’เนี่ยหลี่’ก็ย่อมจะต้องไม่ปล่อยให้โอกาสนี้หลุดลอยไปอย่างแน่นอนอย่างไรก็ตามกิเลนฟ้าก็ไม่ได้เป็นอะไรที่จะจัดการได้ง่ายๆ

พลังของกิเลนฟ้านั้นไม่สามารถคาดเดาได้ แม้ว่ามันยังโตเต็มที่ก็ตาม มันไม่ใช่สิ่งที่คนระดับ เซียน จะเผชิญหน้าได้’ยู่หยาน’ที่นั่งอยู่บนไหล่’เนี่ยหลี่’ถามด้วยความกังวล

“เนี่ยหลี่เจ้าคิดจะสู้กับกิเลนฟ้าจริง ๆ เหรอ”

จบตอน…

 

แปลโดย

ที่มา:

ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments