I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Tales of Demons & Gods (妖神记) ตอนที่ 246 จู๋สัตว์อสูรตุ๋น

| Tales of Demons & Gods (妖神记) | 18541 | 2531 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

แม้ว่าคนเหล่านี้จะมาจากต่างนิกายของอาณาจักรมังกรหายนะก็ตาม พวกเขาก็ล้วนกำเนิดมาจากโลกเล็ก ๆ แห่งนี้เหมือนกัน พูดได้ว่ายังมีความสนิทสนมกันในหมู่พวกเขาอยู่ ผู้อาวุโสหนวดเคราขาวคนหนึ่งถอนหายใจด้วยความทุกข์

“เผ่าพันธุ์สัตว์อสูรจากโลกเล็กๆ ใบนี้ถูกปลุกปั่นจากนิกายเทพอสูรจนนำมาสู่การสังหารหมู่มนุษย์และสิ่งมีชีวิตในโลกหลัก เพราะเหตุนี้โลกหลักจึงไม่ได้ให้กำเนิดเหล่าผู้มีพรสวรรค์มานานเกือบหมื่นปีมีเพียงไม่กี่อาณาจักรดังเช่นอาณาจักรเมฆาฝัน1 ที่ปรากฏผู้มีพรสวรรค์ขึ้นเพียงไม่กี่คนแต่นั่นก็ไม่ได้สร้างความแตกต่างในหมู่นิกายของพวกเราเลยมันเหมือนกับมีใครพยายามเอาเกวียนบรรทุกฟืนที่กำลังลุกไหม้ใส่ลงไปในน้ำถ้วยเล็ก ๆถ้วยหนึ่ง2 นั่นแหละ”

ชายในเสื้อคลุมสีดำหัวเราะ

“อาณาจักรมังกรหายนะมีอาณาเขตที่กว้างขวางใหญ่โตและมีโลกเล็กๆ อีกนับไม่ถ้วน สามารถจะเกณฑ์เด็กผู้มีพรสวรรค์รุ่นใหม่ ๆ เข้ามาได้อีกท่านวิตกเกินไปแล้วแม้ว่านิกายเทพอสูรจะแข็งแกร่งแต่ถ้านิกายของพวกเราร่วมมือกันพวกมันก็จะไม่ได้เปรียบพวกเราอีกต่อไป”

“ถ้าเจ้าคิดเช่นนั้น ก็อาจจะใช่”

ผู้อาวุโสหนวดเคราขาวถอนหายใจแล้วนิ่งนิ่งเงียบไป

 “ข้าสงสัยว่าคนใดในกลุ่มนี้จะเข้าตาจ้าวแห่งนรกบ้าง?”

สาวงามคนหนึ่งยิ้มและถามชายในเสื้อคลุมสีดำ

ชายในเสื้อคลุมสีดำคือจ้าวแห่งนรกคนทั่วไปคิดว่าจ้าวแห่งนรกคือผู้ที่ควบคุมเมืองนรกอย่างไรก็ตามมันไม่ได้เป็นแบบนั้น จ้าวแห่งนรกเป็นคนที่อยู่เบื้องหน้า เบื้องหลังนั้นมีทั้งหมดรวมกันเป็นเจ็ดคน

เจ็ดคนนี้มักจะเกณฑ์เหล่าผู้มีพรสวรรค์ที่มาจากหลายเผ่าพันธุ์และแนะนำคนพวกนั้นไปสู่นิกายหลักของอาณาจักรอื่นๆ ดังเช่นนิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์จากคำถามของสามงามคนนั้น’เสี่ยวหยู’อดมองไปทางจ้าวแห่งนรกไม่ได้ เขาเองก็อยากรู้เหมือนกันจ้าวแห่งนรกคิดสั้น ๆ ก่อนพูดว่า

“เด็กคนที่ชื่อเนี่ยหลี่”

“โอ้?”

เค้าหน้าแห่งความพิศวงปรากฏบนใบหน้าของสาวงามคนนั้น หล่อนพูด

“ถึงแม้ว่าเด็กที่ชื่อเนี่ยหลี่คนนั้นจะปราดเปรื่องในเรื่องอักขระแต่ในเรื่องพรสวรรค์เขายังห่างไกลจากเด็กหนุ่มเสื้อคลุมสีขาวนั่นอยู่นะพรสวรรค์ของเด็กหนุ่มในเสื้อคลุมสีขาวนั่นสูงส่งไม่ธรรมดา จากการคาดเดาของข้าเขาน่าจะมีร่างกายที่แข็งแกร่งมากทีเดียว!”

ห้าคนที่เหลือล้วนงุนงงกับการตัดสินใจของจ้าวแห่งนรก ในสายตาของพวกเขาเด็กหนุ่มในเสื้อคลุมสีขาวยังเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าซะอีก

“ถ้าหากว่าท่านจ้าวแห่งนรกไม่ต้องการเด็กหนุ่มอัจฉริยะคนนั้น งั้นก็เป็นโอกาสของนิกายคัมภีร์สวรรค์ของข้าแล้ว” สาวงามคนนั้นยิ้ม จ้าวแห่งนรกรับคำด้วยเสียงราบเรียบ “ข้าไม่ได้เลือกคนที่มีพรสวรรค์สูงที่สุดก็จริงแต่ข้ารู้สึกว่าเด็กคนนั้นก็ยอดเยี่ยมเช่นเดียวกัน”

ถึงแม้ว่าคนอื่นๆ จะไม่รู้ว่าจ้าวแห่งนรกคิดอย่างไรถึงเลือก’เนี่ยหลี่’ พวกก็ไม่รู้สึกกังขากับความคิดของเจ้านรกเลย  ผู้อาวุโสผมขาวหันไปหาสาวงามคนนั้นแล้วยิ้ม

“หลังจากคราวของท่านจ้าวแห่งนรกก็มาถึงคราวของนิกายคัมภีร์สวรรค์หลิงหยุนเจ้าจะเลือกเด็กหนุ่มเสื้อคลุมสีขาวนั่นหรือ?”

“ถ้าข้าไม่เลือกเขา ทุกท่านจะให้ข้าเลือกได้สองคนรึเปล่าล่ะ?”

สาวงามที่ชื่อ’หลิงหยุน’เม้มปาก ประกายตาของหล่อนเปี่ยมไปไปด้วยความคาดหวัง

“โอ้? นิกายคัมภีร์สวรรค์ไม่คิดจะเลือกเด็กหนุ่มเสื้อคลุมขาวนั่นเหมือนกันเรอะ?”

คนที่เหลือมองไปทาง’หลิงหยุน’ต่างคนต่างงุนงง ตอนแรกทุกคนคิดว่า’หลิงหยุน’จะเลือกเด็กหนุ่มเสื้อคลุมขาวคนนั้นแน่ ๆ ถ้าอย่างงั้นเขาคงไม่ได้ผู้มีพรสวรรค์สูงสุดจากคนกลุ่มนี้?

“อายุขนาดข้า ถ้าข้าเลือกเด็กหนุ่มที่หล่อเหลามาเป็นสาวก ข้ากลัวว่าคงจะเป็นที่ติฉินนินทาของคนทั่วไปข้ารู้สึกว่าเด็กสาวทั้งสองนั่นก็ไม่เลวทำไมไม่ให้เด็กสาวทั้งสองนั่นมาอยู่กับข้าล่ะ?”

‘หลิงหยุน’ยิ้ม

“ถ้าได้เด็กสาวทั้งสองนั่นมาเป็นสาวกของข้าข้าก็คงพูดคุยอย่างสนิทสนมกับพวกนางได้บ้าง”

“หลิงหยุนเจ้าคิดคำนวณได้ดีทีเดียว หนึ่งแลกสอง ไม่เลว”

ผู้อาวุโสผมขาวหัวเราะและพูดต่อ

“หากหลิงหยุนมีความตั้งใจเช่นนั้นแล้วพวกเราก็ไม่มีเหตุผลที่จะคัดค้าน!”

“ดูเหมือนเด็กหนุ่มเสื้อคลุมขาวนั่นจะต้องมาเป็นสาวกนิกายเมฆาซ่อนเร้นของข้าแล้ว!”

“ถ้าอย่างนั้น ข้าจะเลือกเด็กหนุ่มที่มีสายเลือดมังกรดำคนนั้น!”

ภายในหอคอยเพลิงทมิฬ ‘เนี่ยหลี่’และพวกไม่รู้เลยว่าพวกเขากำลังถูกจับตามองและถูกเลือกจากคนกลุ่มนี้ไปแล้ว เวลาผ่านไป กิเลนฟ้ากำลังต่อสู้ดิ้นรนอยู่ภายใต้เพลิงทมิฬอันหนาแน่นมันอ้าปากด่าทอสาปแช่ง

“เจ้าเศษสวะ! ถ้าเจ้าแน่จริงก็มาสู้กับข้าสิ คอยดูสิข้าจะฉีกพวกเจ้าเป็นชิ้น ๆเลยทีเดียว เจ้าพวกชั่วช้า! เจ้าพวกขี้ขลาดไม่กล้าสู้ข้าใช้แต่วิธีสกปรกต่ำช้า…”

กิเลนฟ้าพ่นคำด่าทอสาปแช่งไม่หยุดปาก

“ข้าไม่เคยพบเห็นสัตว์อสูรตัวไหนปากเสียเช่นเจ้ามาก่อนเลย!”

‘ตู่ซื่อ’พูดแบบคอตกเล็กน้อย นี่เขาจะต้องทำข้อตกลงกับกิเลนฟ้าปากเสียตัวนี้เหรอเนี่ย?

‘เนี่ยหลี่’เองก็ไม่รู้ว่ากิเลนฟ้าไปเรียนรู้การด่าทอสาปแช่งแบบนี้มาจากไหน อย่างไรก็ตามเขาไม่ใส่ใจอะไรกับคำด่าทอสาปแช่งพวกนั้น มันไม่ง่ายที่จะหาตัวกิเลนฟ้าพบ กิเลนฟ้าด่าทอสาปแช่งอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาครึ่งชั่วยามจนมันเริ่มคอแห้ง เพลิงทมิฬเผาไหม้ตัวมันไปเรื่อย ๆ จนดูเหมือนว่ามันกำลังถูกย่างอยู่ แม้ว่ามันจะมีร่างกายที่แข็งแกร่งแต่เพลิงทมิฬในหอคอยก็ใช่ว่าจะเป็นเพลิงธรรมดา ๆ’เนี่ยหลี่’ทำใจให้สงบ

“ตอนนี้พวกเราก็ฝึกกันต่อไปอีกไม่นานเดี๋ยวก็ได้เห็นกิเลนฟ้าย่าง”

ในที่สุดกิเลนฟ้าก็อดทนต่อไปไม่ไหวและมันก็ยอมแพ้

“เจ้าเด็กเหลือขอทำไมเราไม่มาตกลงกันอีกทีล่ะ”

“เอาเลือดของเจ้ามาก่อนค่อยว่ากัน”

‘เนี่ยหลี่’ยิ้ม

“ไม่อย่างนั้นก็ไม่มีอะไรต้องพูดกัน”

กิเลนฟ้าคำรามอย่างดุร้าย

“ให้เลือดข้ากับเจ้าเนี่ยนะไม่มีทางเป็นไปได้เด็ดขาด ถ้าข้าถูกเผาตายพวกเจ้าก็ได้แค่ฝันถึงดวงจิตอสูรของข้าเท่านั้น!เมื่อข้าตายมันก็จะถูกทำลายไปด้วย!”

“ตามใจเจ้า”

‘เนี่ยหลี่’ยักไหล่พลางพูดว่า

“แล้วถ้าพวกเราไม่สนดวงจิตอสูรของเจ้าล่ะ? เจ้าฆ่าคนมามากคราวนี้เจ้าถูกฆ่าบ้างมันก็ยุติธรรมแล้วนี่ถึงแม้ว่ามันน่าเสียดายที่พวกเราไม่สามารถครอบครองดวงจิตอสูรของเจ้าแต่ข้าได้ยินมาว่าทุกส่วนของร่างกายเจ้านั้นถือเป็นสมบัติล้ำค่ามหาศาลเลยนะเกล็ด อุ้งเท้า หนวดเครา จู๋ ฯลฯ ข้าได้ยินมาว่าจู๋กิเลนฟ้าเนี่ยเป็นยาโป๊วชั้นเลิศเลยนะ”

ได้ยินที่’เนี่ยหลี่’พูด’เอียจื้ออวิ้น’และ’เซี่ยวหนิงเอ๋อ’ล้วนหน้าแดงขึ้นมาทันที ‘เนี่ยหลี่’นี่หยาบช้าเกินไปแล้ว’ลู่เพียว’ทำตาโตแล้วขยับเข้าไปหา’เนี่ยหลี่’พร้อมกับถาม

“จู๋สัตว์อสูรคือยาโป๊วชั้นเลิศจริงๆ เหรอ เราจะกินมันยังไงล่ะ ตุ๋น? ย่าง?”

‘เสี่ยวซุ่ย’มองไปทาง’ลู่เพียว’แล้วพูด

“ถ้ามีจู๋สัตว์อสูรจริง ๆ อย่างที่ว่าเจ้าน่าจะเอามันมาให้ลู่เพียวนะ!”

หลังจาก’เสี่ยวซุ่ย’พูด ‘เนี่ยหลี่’ ‘ตู่ซื่อ’และพวกมอง’ลู่เพียว’แปลกๆ พร้อมกับพยายามกลั้นหัวเราะ ‘ลู่เพียว’นิ่งไปครู่หนึ่งแต่หลังจากที่เข้าใจความหมายแล้วเขาก็หน้าแดงขึ้นมาทันที

“เฮ้ย! อย่าเข้าใจข้าผิด! ข้าไม่ได้มีปัญหาอะไรเกี่ยวกับเรื่องนั่นนะ! ข้าไม่ต้องการมันเด็ดขาดพวกเจ้าเอามันไปเหอะ!”

กิเลนฟ้าได้ยินคนกลุ่มนั้นพูดคุยกัน มันรู้สึกเย็นวาบขึ้นมาที่หว่างขาทันทีมันรีบหนีบขาแน่นแล้วเอาอุ้งมือของมันมาปิดเอาไว้อีกที

“พวกเจ้ามันหน้าด้านน่ารังเกียจ! ตอนนี้ข้าโมโหขึ้นมาจริง ๆ แล้ว! แม้ข้าตายข้าจะไม่ให้อะไรเจ้าหรอก!”

‘ลู่เพียว’หรี่ตามองไปที่กิเลนฟ้าแล้วพูด

“แน่นอน! ก่อนที่เจ้าจะตายเจ้าควรจะทำลายจู๋ของเจ้าไปพร้อมกับดวงจิตอสูรของเจ้าด้วยนะ!”

ได้ยินคำของ’ลู่เพียว’ทุกคนหยุดหัวเราะไม่ได้ ‘ลู่เพียว’อำมหิตเกินไปแล้ว

หน้ากิเลนฟ้าคล้ำลงทำไมมันจะต้องมาพบกับเจ้าวายร้ายพวกนี้ด้วย? อสูรฟ้าคิดถึงความตายของตัวมันเอง พอมันตายจู๋ของมันจะต้องถูกคนเอาไปตุ๋นอารมณ์ของมันในตอนนี้เรียกได้ว่าหดหู่แท้ ๆมันไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่าสัตว์อสูรศักดิ์สิทธิ์อย่างมันต้องมาพบจุดจบอันน่าอเนจอนาถเช่นนี้ทำไมมันถึงไม่โตเต็มวัย? ทำไมมันถึงต้องถูกขังอยู่ที่นี่!มิฉะนั้นมันจะมาตกอยู่ในสภาพอเนจอนาถจากน้ำมือของ’เนี่ยหลี่’และพวกได้ยังไง

เมื่อครั้งก่อนโน้นมันได้สังหารนักสู้ผู้เชี่ยวชาญไปแล้วนับไม่ถ้วน โดยเฉพาะกับพวกระดับ เซียน ถ้ามันสามารถฆ่านักสู้ระดับนี้ได้เป็นร้อยๆ คนมันจะสามารถใช้รังสีการฆ่าฟันสร้างแกนของมันขึ้นมาได้และจะก้าวไปสู่ระดับขอบเขตชะตาสวรรค์ได้อย่างไรก็ตามมันก็ถูกตาเฒ่าบ้าบอคนหนึ่งโค่นลง และจับมันขังไว้ในหอคอยเพลิงทมิฬ

หลังจากนั้นมันก็ไม่ได้เห็นเดือนเห็นตะวันแถมยังถูกเผาด้วยเพลิงทมิฬอีกถึงตอนนี้เจ้าเด็กเหลือขอ’เนี่ยหลี่’ก็ข่มเหงรังแกมันซ้ำอีก มันเหมือนกับที่เขาว่า

“เสือติดจั่นแม้แต่หมาก็ยังข่มเหงรังแกได้3จริงๆ”

มันครุ่นคิดถึงสภาพที่น่าอเนจอนาถของมันที่หลังจากที่มันตายจู๋ของมันจะถูกตุ๋น จนในที่สุดมันก็ยอมรับชะตากรรม มันพูดเสียงอ่อย ๆ

“ข้ายอมรับความพ่ายแพ้เรามาตกลงกันอีกครั้งหนึ่งก็ได้!”

“ไม่มีการตกลงอะไรทั้งนั้นจนกว่าเจ้าจะเอาเลือดของเจ้ามาก่อน ไม่งั้นก็ไม่ต้องมาพูดกัน!”

‘ลู่เพียว’ขู่

“ได้ ข้าจะมอบเลือดของข้าแก่เจ้า แต่เจ้าต้องปลดอักขระพวกนี้ก่อน”

กิเลนฟ้าพูดพลางอ้าปากพะงาบ ๆ หอบหายใจ

“ตกลง!”

‘เนี่ยหลี่’ปลดอักขระและมองไปที่กิเลนฟ้า

กิเลนฟ้ากลอกตาถาม

“เจ้าจะเอาไรอะไรมารองเลือดของข้า?”

“ใช้สิ่งนี้!”

‘เนี่ยหลี่’หยิบชามอ่างใบหนึ่งออกมาจากวงแหวนมิติและโยนไปให้ กิเลนฟ้ารู้ว่า’เนี่ยหลี่’สามารถจารึกอักขระได้ทุกเมื่อ มันหยุดคิดครู่หนึ่งแล้วมันก็กัดลงไปที่ต้นขาหน้า เลือดของมันไหลลงไปในชามอ่าง

“นี่เลือดของสัตว์อสูรเจ้าจะผนึกวิญญาณยังไง?”

กิเลนฟ้าถาม

 “ข้าจะใช้มันสร้างผนึกวิญญาณลงบนร่างกายของเจ้า!”

‘เนี่ยหลี่’อธิบาย

“เจ้าจะผนึกวิญญาณบนร่างข้าแล้วทำไมเจ้าไม่เข้ามาล่ะ?”

กิเลนฟ้ากระหยิ่มยิ้มย่องในใจแต่มันแกล้งทำเป็นสงบ

“แน่นอน ข้าเข้าไปแน่แต่เจ้าต้องเตะชามอ่างนั้นมาให้ข้าก่อน เลือดของกิเลนฟ้าเป็นสิ่งมหัศจรรย์เมื่อร่างกายของเปลี่ยนรูปไปแล้วก็จะไม่มีเลือดของมันอีกเราจะต้องมีเลือดเต็มชามอ่างนั่น!”

‘เนี่ยหลี่’อธิบาย ทำไม’เนี่ยหลี่’จะไม่รู้ว่ากิเลนฟ้าวางแผนอะไรไว้อยู่มันต้องการให้’เนี่ยหลี่’เข้าไปใกล้ ๆ ตัวมันเพื่อที่มันจะได้จับตัว’เนี่ยหลี่’ได้ กิเลนฟ้าพูดอย่างไม่พอใจ

“ไม่ได้เด็ดขาด!เลือดสัตว์อสูรนั้นล้ำค่ายิ่งนัก ข้าจะให้เจ้าได้ง่าย ๆ เช่นนี้ได้ยังไง?”

กิเลนฟ้าไม่รู้ว่า’เนี่ยหลี่’วางแผนอะไรเอาไว้ มันจึงยังไม่กล้าให้เลือดแก่’เนี่ยหลี่’

‘ลู่เพียว’คำราม

“เตะชามอ่างใส่เลือดนั่นออกมาเร็ว ๆหรือว่าเจ้าอยากจะบอกลาจู๋ของเจ้า?”

กิเลนฟ้ารู้สึกสุดแสนจะหดหู่

มันเกลียดมากเมื่อมีคนมาขู่เรื่องจู๋ของมัน มันกวาดตามองไปยัง’เนี่ยหลี่’และพวกมันทำได้เพียงแต่ยอมรับมันเตะชามอ่างใส่เลือดออกไป ชามอ่างใส่เลือดเลื่อนมาอยู่ระหว่าง’เนี่ยหลี่’และกิเลนฟ้าระยะทางประมาณสามเมตร กิเลนฟ้าผงกหัวขึ้นมาที่กลุ่มของ’เนี่ยหลี่’และพูดขึ้น

“ท่าทางข้าจะเตะชามอ่างนั่นเบาเกินไป ข้าเอื้อมไปไม่ถึงพวกเจ้าเข้ามาเอามันไปเองสิ”…

 

จบตอน

 

แปลโดย

1.
น่าจะเป็นเมฆในฝันชนิดต่าง ๆ ที่มีความหมายในทางการพยากรณ์อยู่ <<
ไม่ค่อยแน่ใจนะครับ

2.
ประโยคนี้น่าจะเป็นสุภาษิตคำพังเพยของจีนประมาณว่าปัญหามันใหญ่เกินกว่าที่จะวิธีเล็ก
ๆ แก้ไข << ไม่ค่อยแน่ใจเช่นกันครับ
สุภาษิตคำพังเพยของจีน

ที่มา:

ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments