I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Tales of Demons & Gods (妖神记) ตอนที่ 248 การเผชิญหน้า

| Tales of Demons & Gods (妖神记) | 19636 | 2531 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

ถ้าหากว่าพวกเขาจะเดินทางไปสู่อาณาจักรมังกรหายนะในอนาคตข้างหน้านั้น ทุก ๆ ความแข็งแกร่งที่เพิ่มขึ้นนั้นจะทำให้เพื่อนของเขาสามารถป้องกันตัวเองได้!

 “ลองขึ้นไปอีกชั้นกันเถอะ!”

‘เนี่ยหลี่’พูดหลังจากนิ่งไปครู่หนึ่ง คนอื่น ๆ ที่ล่วงหน้าพวกเขาควรจะขึ้นไปถึงชั้นถัดไปแล้ว ดังนั้นพวกเขาควรจะต้องไล่ตามให้ทัน

เมื่อ’เอียจื้ออวิ้น’ ‘เซี่ยวหนิงเอ๋อ’และพวกมาถึงชั้นที่สาม พวกเขาพบว่ายังสามารถรับมือกับแรงกดดันได้ง่ายอยู่  พวกเขารู้สึกถึงแรงกดดันเพียงเล็กน้อย

ยกเว้น’ลู่เพียว’กับ’เซี่ยวซุ่ย’ อย่างไรก็ตามบางทีพวกเขาทั้งสองอาจจะยังรับมือกับมันและสามารถเดินทางต่อไปได้

พวกเขาเดินขึ้นไปเป็นกลุ่ม เวลาเดียวกันนั้น บนชั้นที่เก้าของดินแดนมรณะเก้าชั้นจ้าวแห่งนรก ‘หลิงหยุน’และเหล่าผู้อาวุโสรู้สึกประหลาดใจ พวกเขาเพิ่งเห็น’เนี่ยหลี่’กำราบอสูรฟ้าไข่หลินและผสานมันเข้ากับ’ตู่ซื่อ’

“สายตาของท่านจ้าวนรกช่างล้ำเลิศนัก จารึกอักขระที่เขาใช้นั่นดูเหมือนเป็นเคล็ดลับผนึกวิญญาณบางประเภทที่ควรจะปรากฏขึ้นในอาณาจักรมังกรหายนะเท่านั้น แม้กระทั่งใครบางคนในระดับพวกเราก็ยังไม่เคยสัมผัสมาก่อน ข้าสงสัยจริง ๆ ว่าเขาได้เรียนรู้มาจากที่ใดกัน?”

ประกายตาของ’หลิงหยุน’เต็มไปความอยากรู้อยากเห็น เธอเองก็อยากรู้เหมือนกันว่า’เนี่ยหลี่’ซ่อนความลับไว้ในตัวมากแค่ไหน

ผู้อาวุโสที่เหลือต่างก็พูดกันพึมพำ แม้ว่าพรสวรรค์ของ’เนี่ยหลี่’จะเทียบไม่ได้กับเด็กหนุ่มในชุดคลุมสีขาว แต่วิธีที่เขาแสดงออกมาให้เห็นนั้นมันก็ช่างเป็นวิธีที่น่าพิศวงยิ่งนัก

จ้าวแห่งนรกเหลียวมองชายวัยกลางคนที่อยู่ในชุดสีเทาและหัวเราะเบาๆ

“ข้าต้องขอแสดงความยินดีกับท่านพี่เทียนหุนด้วย เด็กคนที่อยู่ถัดไปจากเด็กที่ข้าได้เลือกนั่นได้ผสานร่างรวมกับอสูรฟ้าไข่หลิน สัตว์อสูรตัวนั้นจะจำแลงกายอยู่ในสายเลือดของเขาและจะทำให้เขาเป็นยอดอัจฉริยะ!”

ผู้อาวุโส’เทียนหุน’ที่นั่งข้าง ๆ จ้าวแห่งนรกเกิดความยินดีปรีดาขึ้นในใจของเขา ถึงแม้อสูรฟ้าไข่หลินตัวนั้นยังไม่โตเต็มวัยและแกนกลางของมันยังไม่ก่อตัวสมบูรณ์ก็ตาม

การที่มันผสานร่างรวมกับตู่ซื่อก็ยังคงสามารถทำให้เขากลายเป็นยอดอัจฉริยะได้อยู่ดี ก่อนหน้านี้เขาไม่ได้คิดอะไรมากมายเกี่ยวกับตัว’ตู่ซื่อ’ แต่ตอนนี้ความคิดของเขาเกี่ยวกับ’ตู่ซื่อ’นั้นเปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือ

“ฮ่าฮ่า ขอบคุณ ขอบคุณ!”

‘เทียนหุน’ป้องมือคารวะตอบพร้อมกับหัวเราะร่วน

ในอาณาจักรมังกรหายนะ ศาสดาและสาวกนั้นมีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ถ้าหากว่าสาวกคนใดทรยศทรศาสดาของเขาแล้ว มันผู้นั้นจะถูกทุกนิกายตราหน้าว่าเป็นคนทรยศ จากนั้นมันผู้นั้นจะถูกไล่ล่าจนถึงแก่ความตาย

เมื่อศาสดาได้สร้างความสัมพันธ์กับสาวกของเขาแล้ว ความสัมพันธ์ที่ว่านั้นจะเป็นความสัมพันธ์ที่ยั่งยืนและน่าเชื่อถือ ถ้าหากว่าในอนาคตสาวกคนนั้นประสบความสำเร็จอันรุ่งโรจน์ ความสำเร็จนั้นก็สะท้อนมาถึงตัวของศาสดาและสาวกคนนั้นก็จะได้รับสถานะพิเศษอันสูงส่งในนิกายอีกด้วย

นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเหล่าผู้อาวุโสที่แข็งแกร่งถึงต้องการแย่งชิงตัวสาวกมาจากโลกใบเล็ก ๆ แม้ว่าพวกเขาจะได้รับการพิจารณาว่าเป็นผู้ล้ำเลิศในโลกใบเล็ก ๆ ก็ตาม แต่ตำแหน่งของพวกเขาในนิกายแห่งอาณาจักรมังกรหายนะนั้นก็ไม่ได้สูงส่งอะไรมากนัก

“ข้าสงสัยว่าเด็กคนนั้นจะนำความประหลาดใจอะไรมาให้ข้าอีก?”

จ้าวแห่งนรกเฝ้าสังเกตเนี่ยหลี่จากสระน้ำสะท้อนเหตุการณ์ รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของเขา

บนชั้นที่สี่ของหอคอยเพลิงทมิฬ

มีกลุ่มคนจำนวนหนึ่งอยู่บนชั้นนี้ ‘กังหมิง’ ‘มู่เย’ และ’ฮัวฮว่า’ผู้ซึ่งแข่งขันกันอย่างดุเดือดมาก่อนหน้านี้ก็ล้วนปรากฏตัว

อย่างไรก็ตามไม่ปรากฏว่าเด็กหนุ่มเสื้อคลุมสีขาวอยู่บนชั้นนี้ เด็กคนนั้นขึ้นไปบนชั้นที่ห้าของหอคอยเพลิงทมิฬแล้วหรือ?

‘เนี่ยหลี่’แหละพวกเพิ่งขึ้นมาถึงชั้นที่สี่ ‘กังหมิง’ก็ละสายตาจากบันไดที่นำไปสู่ชั้นบน สายตาของเขาทอประกายความโกรธแค้นด้วยการที่ไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ ในการทดสอบเพื่อคัดเลือกของจ้าวแห่งนรก เขามุ่งหวังจะเป็นที่หนึ่ง

แต่อย่างไรก็ตามเขาเพิ่งกลายเป็นสักขีพยานให้กับคนก้าวที่ได้ก้าวขึ้นไปสู่ชั้นที่ห้า ในขณะที่ตัวเขาถูกผลักดันกลับมาหลายต่อหลายครั้งอันเนื่องมาจากเพลิงทมิฬที่หนาแน่นนั่นหมายถึงความแข็งแกร่งของวิญญาณ’กังหมิง’ยังห่างไกลจากเด็กหนุ่มคนนั้น!

ขณะที่’กังหมิง’เพิ่งจะหมดหวัง ‘เนี่ยหลี่’และพวกของเขาก็เยียบย่างขึ้นมา เขาไม่สามารถขึ้นที่ไปที่ชั้นห้าได้และจำนวนคนที่ขึ้นมาถึงชั้นที่สี่ก็เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ  นั่นจึงทำให้เขาดูจะเป็นหมือนคนธรรมดาเอามาก ๆ บนชั้นนี้!

‘ฮัวฮหว่า’และ’มู่เย’ต่างก็ลืมตาขึ้นมองไปทาง’เนี่ยหลี่’และหันกลับไป พวกเขาไม่สามารถขึ้นไปสู่ชั้นที่ห้าได้เช่นกัน ทุก ๆ คนที่อยู่บนชั้นสี่ในตอนนี้นั้นเป็นคู่แข่งที่อยู่ในระดับเดียวกัน  นี่ยังไม่ได้รวมถึงกลุ่มอื่น ๆ อีก พวกเขารู้สึกตกใจเล็กน้อยคนพวกนี้มาจากที่ไหนกัน? ทำใมพวกเราไม่เคยเห็นหน้าพวกเขามาก่อน?

หลังจากเหยียบย่างขึ้นมาถึงชั้นที่สี่ ‘ลู่เพียว’ ‘เซี่ยวซุ่ย’ ‘เว่ยหนาน’ และพวกอาจจะทนทานได้ไม่นาน ในขณะที่’ตู่ซื่อ’ ‘เอียจื้ออวิ้น’และ’เซี่ยวหนิงเอ๋อ’ดูคล้ายกับยังมีพลังหลงเหลืออยู่นิดหน่อย แต่อย่างไรก็ตามพวกเขาก็ไม่สามารถมุ่งหน้าขึ้นไปบนชั้นที่สูงกว่านี้ได้เช่นกัน มีเพียงคนกลุ่มเดียวที่เหลืออยู่นั่นคือ’เนี่ยหลี่’ ‘ยู่หยาน’ และ’ต้วนเจี้ยน’ที่ดูเหมือนจะรับมือได้สบาย ๆ

บริเวณชั้นสี่ส่องสว่างไปด้วยเพลิงทมิฬทำให้’ลู่เพียว’และพวกรู้สึกเหมือนร่างทั้งร่างกำลังเดือดพล่าน

 “พวกเจ้าอยู่บนชั้นนี้ไปก่อนนะ ข้ากับพี่ยู่หยานจะมุ่งหน้าขึ้นไปบนชั้นที่ห้าเพื่อดูลาดเลา”

‘เนี่ยหลี่’บอก’ตู่ซื่อ’และพวก จากนั้นเขาหันไปมอง’ต้วนเจี้ยน’และพูด

“ต้วนเจี้ยนเจ้าจงอยู่บนชั้นนี้และคอยปกป้องพวกเขา!”

“ครับนายท่าน”

‘ต้วนเจี้ยน’รับคำด้วยความเคารพ

‘เนี่ยหลี่’แหงนหน้าขึ้นมองบันไดเวียนที่ทอดขึ้นไป จะมีอะไรแปลกประหลาดซ่อนอยู่บนชั้นที่ห้าหรือชั้นที่สูงกว่านี้นะ?

“เนี่ยหลี่ระมัดระวังตัวด้วยนะ!”

ทุก ๆ คนเตือนเขาด้วยความกังวล

 “ได้”

‘เนี่ยหลี่’พยักหน้าและมุ่งขึ้นไปสู่ชั้นที่ห้า

หลังจากที่เขามองดูท่าทีของ’เนี่ยหลี่’ ‘กังหมิง’ตะโกนมาจากอีกด้าน

“คิดว่าชั้นที่ห้ามันขึ้นไปได้ง่าย ๆ เรอะ?”

ก่อนหน้านั้นที่เขาพยายามมุ่งหน้าต่อไป เขารู้สึกได้ว่าเพลิงทมิฬก่อตัวหนาแน่นขึ้นในทุก ๆ ก้าวที่เขาย่างเหยียบขึ้นไป ณ ก้าวที่หกนั้นเขาถูกบังคับให้ถอยกลับคนอื่น ๆ ก็ลองพยายามเหมือนกัน แต่ไม่มีใครก้าวข้ามสถิติของ’กังหมิง’ไปได้

ขณะที่’เนี่ยหลี่’วางเท้าลงบนก้าวแรกของเขานั้น เขารู้สึกในทันทีว่าคลื่นความร้อนม้วนรอบตัวเขา เขาแหงนมองขึ้นไปทางปล่องบันได มันดูเหมือนกับว่าการที่จะไปให้ถึงชั้นที่ห้าของหอคอยเพลิงทมิฬไม่ใช่เรื่องที่จะรับมือได้ง่าย ๆ!

เมื่อ’เนี่ยหลี่’กำลังเตรียมตัวจะมุ่งหน้าต่อ ทุกคนในชั้นที่สี่พุ่งความสนใจไปที่เขา พวกเขาอยากจะเห็นว่าเนี่ยหลี่จะสามารถไปได้ไกลแค่ไหน แต่ไม่มีใครเชื่อว่าเขาจะสามารถขึ้นไปบนชั้นที่ห้าได้

จนบัดนี้คนที่สามารถขึ้นไปบนชั้นที่ห้าได้มีเพียงเด็กหนุ่มในเสื้อคลุมสีขาวคนเดียวเท่านั้น คนอื่น ๆ ทุกคนล้วนห่างไกลจากเขา!

ภายใต้สายตาของทุก ๆ คนที่จับจ้องมองมา ‘เนี่ยหลี่’เดินต่อไปทีละก้าว ทีละก้าว

ก้าวที่สอง ก้าวที่สาม…

ทุก ๆ ก้าวที่เขาเหยียบย่างขึ้นไป ‘เนี่ยหลี่’รู้สึกถึงเพลิงทมิฬพรั่งพรูความกดดันที่น่ากลัวออกมา เขาสงสัยว่าเด็กหนุ่มในชุดขาวใช้วิธีอะไรถึงสามารถรับมือกับมันได้?

อาจจะเป็นเพราะความแข็งแกร่งของวิญญาณเขา?

‘เนี่ยหลี่’ไม่รู้เลยว่าจอมมารนั้นได้ใช้วิธีบ่มเพาะที่เรียกว่าดารากรแห่งดวงจิต ดังนั้นจากการที่ได้รับความทุกข์ทรมานที่ดวงวิญญาณถูกแผดเผาในทุก ๆ วันนั้นทำให้ความแข็งแกร่งของวิญญาณจอมมารนั้นก้าวไปถึงสภาวะที่ไม่สามารถจะจินตนาการได้ ความจริงเขามีร่างกายที่แข็งแกร่งเป็นเลิศอยู่แล้วเพลิงทมิฬเหล่านี้จึงไม่มีผลอะไรกับจอมมารมากนัก

‘เนี่ยหลี่’ขมวดคิ้ว จากการที่มีใครสักคนก้าวขึ้นไปบนชั้นที่ห้าของหอคอยเพลิงทมิฬได้นั้น ตัวเขาเองจะต้องไม่ด้อยไปกว่าคนคนนั้น

‘เนี่ยหลี่’เคลื่อนที่ไปทีละก้าว ‘กังหมิง’และพวกจ้องไปที่เขา เมื่อ’เนี่ยหลี่’ก้าวไปถึงก้าวที่ห้า พวกเขารู้สึกตกใจมากและไม่เชื่อว่า’เนี่ยหลี่’จะสามารถก้าวขึ้นไปได้สูงกว่า

ก้าวที่หก ก้าวที่เจ็ด…

‘กังหมิง’แทบไม่เชื่อสายตาว่าจะมีคนถึงสองคนที่มีวิญญาณแข็งแกร่งกว่าเขา!

นานมาแล้ว เขาได้ชื่อว่าเป็นอัจฉริยะหมายเลขหนึ่งของเมืองนรก เขาไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าคนทั้งสองนี้โผล่มาจากที่ไหน พวกนั้นทำให้ทำให้เขารู้สึกพ่ายแพ้อย่างสิ้นเชิง

ความอยากรู้อยากเห็นของมู่เยและฮัวฮหว่าเอ่อล้นออกมาจากประกายตาของพวกเขา พวกเขาไม่รู้ว่าเนี่ยหลี่และเด็กหนุ่มในเสื้อคลุมสีขาวนั่นมาจากไหน สำนึกของเขาบอกว่าพรสวรรค์ของทั้งสองคนนั้นมีมากจนตกใจ

ทุกก้าวที่’เนี่ยหลี่’เยื้องย่าง เขาขัดเกลาสภาวะจิตของเขา แต่ละก้าวดูเหมือนจะกลายเป็นความคิดที่ลึกซึ้งราวกับว่าเขากำลังดูดซับเพลิงทมิฬเข้าไป

สำหรับ’ยู่หยาน’แล้วเธอดูมีความสุขตั้งแต่ที่เธอก้าวเข้ามาในหอคอยเพลิงทมิฬ เธอได้ฝึกฝนการบ่มเพาะพลังสัจธรรมแห่งไฟมาตั้งแต่แรกเริ่ม เพลิงทมิฬที่แวดล้อมนั้นดูเหมือนจะถูกดูดเข้าไปในวังน้ำวนที่ไร้ก้นบึ้ง

ตราบใดที่เธอมีพลังสัจธรรมแห่งไฟมากพอ ร่างศักดิ์สิทธิ์ของเธอก็จะแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ

“พี่ยู่หยาน ท่านรู้หรือไม่ว่าผู้ใดละทิ้งหอคอยเพลิงทมิฬนี้เอาไว้เบื้องหลัง?”

‘เนี่ยหลี่’ถาม มีอีกหลายสิ่งหลายอย่างที่ตัวเขานั้นไม่เข้าใจเกี่ยวกับสถานที่แห่งนี้จิตใจของยู่หยานล่องลอยไปในขณะที่ตอบคำถาม

“พูดถึงหอคอยเพลิงทมิฬแล้ว เรื่องราวของมันนั้นมีความเป็นมายาวนานยิ่งกว่าดินแดนมรณะเก้าชั้นซะอีก ย้อนกลับไปเมื่อครั้งโบราณกาล มีผู้อาวุโสสองท่านผู้ซึ่งบรรลุญาณอันลึกซึ้งไร้ขอบเขตได้ต่อสู้กันเองเพื่ออะไรบางอย่าง มันเป็นการต่อสู้ที่แม้แต่เทพแห่งจิตวิญญาณก็ได้แต่เฝ้ามองโดยที่ไม่กล้าเข้าไปร่วมด้วย จากนั้นมาก็ไม่มีใครพบเห็นผู้อาวุโสทั้งสองอีก ลือกันว่าคนหนึ่งนั้นได้เสียชีวิตไปแล้ว ขณะที่อีกคนได้ได้รับบาดเจ็บ หอคอยเพลิงทมิฬนี้คือทรัพย์สมบัติที่รอดพ้นมาจากเงื้อมมือของพวกเขา และเมื่อทรัพย์สมบัตินั้นมาตกในที่แห่งนี้ บริเวณที่ราบรอบ ๆ ก็เปลี่ยนแปลงไปกลายเป็นไฟนรกที่ลุกโชติช่วงขึ้นมา “

“ญาณอันลึกซึ้งไร้ขีดจำกัด?”

‘เนี่ยหลี่’ขมวดคิ้ว ถ้าอย่างนั้นผู้อาวุโสทั้งสองก็คงจะเป็นสาวกของจักรพรรดิคงหมิงที่ต่อสู้ช่วงชิงการสืบทอดตำแหน่งจักรพรรดิอย่างนั้นเหรอ?

“ไม่มีใครสามารถเคลื่อนย้ายหอคอยเพลิงทมิฬไปที่จากที่ที่มันตกลงมาได้ หลังจากนั้นเทพแห่งจิตวิญญาณบางองค์ก็เลยใช้มันและเปลี่ยนมันเป็นสถานที่ฝึกฝน”

‘ยู่หยาน’พูดต่อ

“ส่วนเรื่องของอสูรฟ้าไข่หลินนั้นใครเป็นคนจับมันมาขังไว้ในสถานที่แห่งนี้ ข้าเองก็มิอาจรู้ได้”

‘เนี่ยหลี่’พยักหน้า เขาเข้าใจอย่างแจ่มแจ้งว่าเป็นเพราะอะไร ความแข็งแกร่งในระดับที่แม้แต่พระเจ้ายังเกรง จักรพรรดิ’คงหมิง’นี่ช่างเป็นบุคคลที่ล้ำเลิศยิ่งนัก

มีสาวกทั้งหมดห้าคนที่ได้รับการสืบทอดตำแหน่งจากจักพรรดิคงหมิง ถ้าคนหนึ่งตายนั่นไม่ได้หมายความว่าอีกสี่คนจะรอดหรือ? อย่างไรก็ตามนี่มันเหมือนข่าวร้ายแท้ ๆ หากว่าคนหนึ่งจะตายไปนั่นก็หมายความว่าคนอื่นก็จะแข็งแกร่งขึ้น

ฆ่ากันเองเพื่อสืบทอดตำแหน่งจักรพรรดิ’คงหมิง’ ถ้าเขาฆ่าผู้สืบทอดคนอื่น เขาจะได้รับญาณอันลึกซึ้งไร้ขอบเขตจากคนพวกนั้น

ความคิดหนึ่งวาบขึ้นมาในหัวของ’เนี่ยหลี่’ เขานึกถึงตาเฒ่าบ้าบอในอาณาจักรคุกไร้ก้นบึ้ง มีโอกาสที่ตาเฒ่าบ้าบอคนนั้นจะเป็นหนึ่งในผู้สืบทอดตำแหน่ง ตั้งแต่วันที่เขาเดินเตร็ดเตร่อยู่รอบ ๆ หินก้อนนั้นและสวดบทสวดนั่นซ้ำ ๆ เขาอาจจะได้รับญาณอะไรบางอย่างและกลายเป็นหนึ่งในผู้สืบทอด!

นั่นคือเหตุผลว่าทำไมที่คนอื่น ๆ จึงยังไม่ฆ่า’เนี่ยหลี่’ เขาคิดถึงความเป็นไปได้ ญาณหยั่งรู้ของเขานั้นยังตื้นเขินเกินไปดังนั้นมันจึงยังไม่คุ้มค่าที่จะฆ่าเขา!

เหมือนกับอสูรฟ้าไข่หลิน มันไม่คุ้มค่าที่จะฆ่ามันในขณะที่มันยังบรรลุนิติภาวะ แต่เมื่อมันโตเต็มวัยและแกนของมันก่อตัวสมบูรณ์นั่นจะกลายเป็นสมบัติที่ประเมินค่าไม่ได้

ในขณะที่เขาคิดนั้น ‘เนี่ยหลี่’อดรู้สึกไม่ได้ว่าหลังของเขาปกคลุมไปด้วยเหงื่อที่เย็นเยียบ เข้าได้ถูกม้วนเข้าไปอยู่ในวังวนโดยที่เขาไม่รู้ตัว

“ในตอนนี้ข้ายังไม่คุ้มค่าสำหรับเจ้า แต่อย่างไรก็ตามข้าเกรงว่าในอนาคตเจ้าจะต้องเสียใจที่ปล่อยให้ข้ามีชีวิตรอด”

แสงวูบหนึ่งทอประกายจากส่วนลึกของนัยน์ตา’เนี่ยหลี่’ มันดูเหมือนว่าเขาจะต้องเร่งเดินทางเข้าไปในอาณาจักมังกรหายนะเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งของตัวเขาเองแล้ว

ชั้นที่ห้าของหอคอยเพลิงทมิฬ

เมื่อ’เนี่ยหลี่’ปีนขึ้นมาถึงชั้นที่ห้าของหอคอยเพลิงทมิฬ สายตาของเขามองไปที่กึ่งกลางของห้องโถงที่เป็นที่ซึ่งเด็กหนุ่มในเสื้อคลุมสีขาวนั่งบ่มเพาะระดับพลังอยู่

เมื่อเด็กหนุ่มในเสื้อคลุมสีขาวรู้สึกได้ถึงใครบางคนเขาก็ลืมตาขึ้นทันทีและได้สบสายตากับ’เนี่ยหลี่’ คนทั้งสองอยู่ในที่ของตัวเองโดยปราศจากคำพูดใด ๆ

นอกเหนือจาก’ยู่หยาน’ที่กำลังซ่อนตัวอยู่ในแขนเสื้อของ’เนี่ยหลี่’แล้วมีเพียงคนสองคนเท่านั้นที่อยู่บนชั้นที่ห้าของหอคอยเพลิงทมิฬ

 

…จบตอน

แปลโดย

ที่มา:

ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments