I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Tales of Demons & Gods (妖神记) ตอนที่ 250 จู ล่ง

| Tales of Demons & Gods (妖神记) | 20674 | 2531 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

ในพื้นที่ชั้นที่แปดของแดนมรณะเก้าชั้น นั้นถูกปกคลุมไปด้วยเมฆสีดำทะมึนตลอดทั้งพื้นที่ สร้างแรงกดดันแผ่กระจายลงมายังพื้นที่ด้านล่าง  จนทำให้รู้สึกหายใจไม่สะดวกเลยทีเดียว แม้ว่ายอดยุทธ์เทพเกราะทองคำ ก็ไม่สามารถที่จะช่วยป้องกันได้ พลังงานลึกลับนี้แผ่พุ่งออกมาจากหอคอยนรกทมิฬแห่งนี้

สนามพลังงานแห่งนี้เต็มไปด้วยความกระหายเลือดที่แผ่พุ่งออกมามากล้นจนน่ากลัว พลังงานนี้แผ่พุ่งไปทางหอคอยนรกทมิฬ  มันถูกขัดขวางโดยพลังงานอย่างที่สอง

บูม

เสียงระเบิดอันน่ากลัวดังกึกก้องไปทั่วบริเวณพื้นที่ทั้งแปดชั้นของ ดินแดนมรณะเก้าชั้น

ยอดฝีมือบางคนก่อม่านพลังขึ้นจากอากาศ แล้วเพ่งสายตาไปยังพื้นที่ว่างก่อน

“ จูล่ง ทำไมเจ้าไม่แจ้งให้ข้าทราบก่อนว่าเจ้ากำลังจะมาเยี่ยมเยียนกัน?”

ชายหนุ่มรูปร่างหล่อเหลา ปรากฏกายขึ้นอย่างช้าๆ โผล่ออกมาจากก้อนเมฆสีดำทะมึน  เขาลอยสูงเด่นอยู่ในอากาศ ร่างกายของเขาเปล่งแสงสีขาวจางๆ  ออกมาดุจดังหิ่งห้อยที่ปรากฏในยามค่ำคืนอันมืดมิด

“ ข้าไม่เคยคาดคิดเลยว่าเราจะได้พบกันอีกในเร็วขนาดนี้“

ชายซึ่งเป็นเจ้านครใต้พิภพ พูดกับ’จูล่ง’ ด้วยใบหน้าที่เย็นเยียบราวกับว่าเขาถูกแกะสลักเอาไว้

“ข้าประหลาดใจ ว่าเจ้ามีกิจธุระอันสิ่งใดจึงย่างกลายมาถึงที่นี่?”

เจ้านครใต้พิภพ ยืนอยู่ในอากาศด้วยอาการเยือกเย็นและสงบ

 “ท่านหมิง ในวันที่เจ้าปกป้องเหล่ามนุษย์ โดยการนำเข้ามายังนครใต้พิภพแห่งนี้ พวกข้าเหล่าอสูร ต่าง ไม่วุ่นวายกับเจ้า นั่นมิใช่เพราะว่าข้านั้นเกรงกลัวเจ้า พวกข้าพยายามรักษามิตรภาพเอาไว้  เพราะข้ารู้ว่านิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์  ให้การสนับสนุนพวกเจ้าอยู่ในนครวิญญาณ ของอาณาจักรมังกรพ่าย  นิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์  ประสบความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ เมื่อต้องต่อสู้กับนิกายเทพอสูร เจ้าควรต้องพึงตระหนักถึงความรุนแรงที่จะเกิดขึ้นในการต่อสู้กับตระกูลของของอสูรภายใน โลกเล็กๆใบนี้?”

เจ้านครใต้พิภพชำเลืองมอง’จูล่ง’ ด้วยสายตาเหยียดหยามพร้อมทั้งกล่าวว่า

“ ข้าไม่สนการต่อสู้การต่อสู้ภายนอกจะเป็นเช่นไรมันไม่เกี่ยวกับพวกข้า? ณ ที่โลกใบเล็กแห่งนี้ อาจจะไม่แข็งแกร่งเหมือนดั่งนิกายเทพอสูร พวกเขาไม่สามารถที่จะเข้าไปในอาณาจักรได้ อย่างน้อยที่สุดภายในอาณาจักรใต้พิภพแห่งนี้ ข้ายังครองอำนาจอยู่  แดนมรณะเก้าชั้น แม้ว่าจะอยู่ภายใต้การควบคุมของนครใต้พิภพของข้า ข้านั้นไม่สนหรอกว่าการต่อสู้ของโลกภายนอกทั้งหมดนั้นเป็นเช่นไร มันไม่เกี่ยวกับข้า แต่ภายในนครใต้พิภพแห่งนี้ ไม่ว่าพวกตระกูลอสูรอย่างเจ้าจะแข็งแกร่งเช่นไร เจ้าจะต้องปฏิบัติตามกฎของนครใต้พิภพแห่งนี้”

‘จูล่ง’ มองไปที่เจ้านครใต้พิภพ เขาถอนหายใจอันเย็นเหยียบพร้อมเปล่งวาจาออกมา

“ถ้าข้าไม่ปฏิบัติตามมันจะเกิดอะไรขึ้น?”

“ เมื่อเป็นเช่นนั้น ข้าเกรงว่า จำเป็นจะต้องเตะเจ้าออกไปนะซิ”

ใบหน้าของเจ้านครใต้พิภพถูกคลุมไปด้วยชุดคลุมสีดำ จึงไม่สามารถเห็นอากัปกิริยาของเขาได้ ตลอดทั้งนครใต้พิภพมีพลังสัจธรรมแห่งใต้พิภพซึ่งแผ่ขยายออกราวกับไม่มีที่สิ้นสุดมาประดุจเหมือนดังเช่นพายุสร้างแรงกดดันกระจายไปทั่วอาณาบริเวณ

เจ้านครใต้พิภพพำนักอาศัยอยู่ในนครใต้พิภพแห่งนี้มายาวนานนับหมื่นปี ความสมบูรณ์ของกฎระเบียบที่นี่ ย่อมดีกว่าสถานที่อื่นใด อีกหลายร้อยแห่ง  ณ นครใต้พิภพแห่งนี้ เจ้านครใต้พิภพคือผู้ถือกฎนั่นเอง

‘จูล่ง’   หัวเราะอย่างหยิ่งลำพอง

“ ฮ่า ๆๆๆ ! หมิง  เจ้ายังหยิ่งผยองเช่นเดิมเลยนะ  อย่างไรก็ตามสถานการณ์ในตอนนี้นั้น มันไม่เหมือนครั้งก่อนแล้ว ข้าคงต้องเสียมารยาท หากเจ้ายังแข็งขืนไม่ยอมมอบ ยู่ หยาน ที่หลบซ่อนตัวในดินแดนใต้พิภพแห่งนี้ออกมา ข้าคงไม่สามารถปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านไปได้ มิเช่นนั้น….”

“ จู ล่ง เจ้าชั่งกล้ามาทำตัวแสดงอำนาจ ในนครใต้พิภพของข้า ! เพียงแค่ข้าไม่พูดเจ้ากลับหาว่าข้านั้นหยิ่งกระนั้นหรือ?”

เจ้านครใต้พิภพ จ้องมองไปที่เขาด้วยสายตาที่เย็นชา

อาณาเขตพลังสัจธรรม ของทั้งคู่ เริ่มที่จะกระทบกัน ทั่วทั้งบริเวณชั้นแปด ของ แดนมรณะเก้าชั้น   เกิดการระเบิดจากการกระทบกระทั้งกันของพลังสัจธรรมทั้งสองแผ่กระจายไปทั่วบริเวณของนครใต้พิภพแห่งนี้

“ดูเหมือนว่าเจ้ามีการบ่มเพาะที่ก้าวหน้าขึ้นมิใช่น้อยเลยทีเดียว”

‘จู ล่ง’ เอ่ยปากด้วยรอยยิ้มอันหนาวเหน็บ สัจธรรมแห่งน้ำแข็งหมุนวนรอบตัวเขา  หลอมรวมเข้าไปกลายร่างเป็นมังกรน้ำแข็ง  ส่งเสียงคำรามกึกก้องจู่จอมไปที่ เจ้านครใต้พิภพ

“ ข้าก็มีของสำหรับเจ้าเหมือนกัน”

หอกทมิฬจำนวนมหาศาล เต็มพื้นที่ ด้วยพลังสัจธรรมแห่งใต้พิภพก่อตัวเป็นรูปร่างขึ้นโดยรอบ ของเจ้านครใต้พิภพ และพุ่งตรงไปยัง ‘จู ล่ง’

บูม บูม  บูม

อำนาจทำลายล้างคร่าชีวิตของผู้คนไปทั้งอาณาบริเวณชั้นแปดของ แดนมรณะแห่งนี้ บริเวณโดยรอบล้วนถูกทำลายกลายเป็นเศษซากปรักหักพัง

ระเบิดทำลายล้างที่ทรงพะลานุภาพจนน่ากลัว กวาดทำลายล้างปกคลุมเหนือบริเวณพื้นดิน สัตว์อสูรบนชั้นแปดต่างมิสามารถที่จะหลบหนีออกมาในเวลาที่ บริเวณนี้ถูกปกคลุมไปด้วยระเบิดได้

บนชั้นที่แปดของดินแดนมรณะเก้าชั้น มีเพียงหอคอยนรกทมิฬซึ่งยังคงตั้งตระหง่านอยู่เหมือนเดิม  ผู้รับใช้ยอดยุทธ์เกราะทองคำ พยายามต่อสู้กับรัศมีพลังที่แผ่ออกมา จากสองยอดฝีมือผู้มีการบ่มเพาะพลังระดับสุดยอด จากผลของแรงระเบิดนั้นทำให้ชุดเกาะทองคำของพวกเขาถึงกับแตกละเอียดเป็นชิ้นๆ และปรากฏร่องรอยบาดแผลไปทั่วร่างกาย

ทั้ง’จูล่ง’ และเจ้านครใต้พิภพ ต่างลอยอยู่บนท้องฟ้าเหนือพื้นดินไม่ขยับไปไหนแม้แต่เพียงปลายนิ้ว มีเพียงการเผชิญหน้าระหว่างพลังสัจธรรมของทั้งคู่ พลังสัจธรรมแห่งน้ำแข็งเริ่มเปลี่ยนสภาพปกคลุมไปทั่วบริเวณพื้นที่ทำให้ บริเวณนั้นกลับกลายเปลี่ยนเป็นโลกของน้ำแข็งที่เกาะกลุ่มจับตัวกันอย่างหนาแน่น

พลังน้ำแข็งมุ่งจู่โจมไปยังเจ้านครใต้พิภพอย่างต่อเนื่อง

เจ้านครใต้พิภพ ขมวดคิ้วเล็กน้อย สัจธรรมของเขาครอบครองพื้นที่เพียงหนึ่งในสามของอาณาบริเวณนั้น  ‘จูล่ง’แข็งแกร่งเพิ่มขึ้นจนกว่าจินตนาการของเขาที่คาดไว้ในก่อนหน้านี้ เจ้านครใต้พิภพตัดสินใจที่จะไม่ให้การต่อสู้กับ’จูล่ง’ นี้ต้องยืดเยื้อออกไป

ทันใดนั้นความคิดหนึ่งซึ่งผ่านเข้ามาในสมองของเจ้านครใต้พิภพ เขาจ้องมองไปยัง’จู ล่ง’ แล้วกล่าวถามด้วยน้ำเสียงที่ขึงขังว่า

“ เจ้าสำเร็จวิชาเจ็ดดอกบัวแล้วกระนั้นรึ?”

‘จูล่ง’  กล่าวด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา

“ ถูกต้องแล้วเจ้านครใต้พิภพ ถ้าท่านสาบานว่าจะจงรักภักดีต่อข้า โลกใบเล็กนี้สามารถที่จะปกครองได้โดยเราทั้งคู่ ถ้าเจ้ายังยืนกรานที่จะต่อต้าน เมื่อนั้นข้าคงไม่มีทางเลือกอื่นใด  นอกจากกำจัดเจ้าเสียให้สิ้น”

เจ้านครใต้พิภพ ถอนหายใจพร้อมเปล่งน้ำเสียงอันเย็นชาว่า

“ ถ้าเจ้า สำเร็จวิชาเจ็ดดอกบัวแล้ว คงจะเป็นยอดฝีมือผู้เป็นอมตะ เมื่อเทียบกับยอดฝีมือคนอื่นๆ ในโลก เล็กๆใบนี้  แต่มันคงยังมิใช่เรื่องง่ายดอก ที่เจ้าจะสามารถปกครองโลกเล็กๆใบนี้!”

“ ฮ่าๆ เจ้าพูดว่า ยังสามารถที่สร้างปัญหาให้กับแผนการของข้าได้อีกกระนั้นรึ?”

‘จูล่ง’ หัวเราะอย่างลำพอง

ทันใดนั้นเอง เขารู้สึกว่า มีแหล่งพลังงานอีกสองแหล่งที่แผ่ออกมา  ทำให้อากัปกิริยาของเขานั้นเปลี่ยนไป  พร้อมกับจ้องมองมายังที่ เจ้านครใต้พิภพ

“เจ้ามิได้อยู่เพียงเพียงผู้เดียวหรอกรึ?”

“ มันเป็นเรื่องธรรมดา “

เจ้านครใต้พิภพตอบออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ

“ ดีหละ ข้ายอมรับว่าข้าประเมินเจ้าพลาดไป  เจ้ามิได้อยู่เพียงลำพัง  ข้าคงมิสามารถทำอะไรเจ้าได้  แต่ความต้องการของข้านั้นยังคงเป็นเช่นเดิม ถ้าเจ้ายอมมอบ ยู่ หยาน มา เราจะร่วมมือเป็นพันธมิตรกัน ร่วมปกครองโลกใบเล็กนี้ ทรัพย์ยากรต่างๆล้วนจะตกเป็นของพวกเรา แต่ถ้าเจ้ายืนยันแข็งขืนอยู่เช่นนี้  เราคงจะต้องต่อสู้กัน หลังจากที่ข้าได้รวบรวมจิตวิญญาณแห่งเทพเรียบร้อย เมื่อนั้นเจ้าคงต้องคิดหนักเลยหละที่จะวิ่งหนีอย่างไร?”

“ จูล่ง เจ้าช่างคิดง่ายเกินไปแล้ว แม้ว่าเจ้านั้นจะเป็นอมตะ ในโลกเล็กไปนี้ เจ้าคิดจริงหรือว่าจะสามารถควบคุมโลกใบเล็กนี้ได้แต่เพียงผู้เดียว? อาณาจักรนครใต้พิภพของข้านั้น มีพลังธรรมชาติเป็นเครื่องป้องกัน เจ้าคิดว่าอาณาจักรใหญ่อีกสองอาณาจักรจะไม่มีเหมือนกันรึ? ยังคงมียอดฝีมือจาก อาณาจักรหุบเหว และ อาณาจักรลาวา  เจ้าคิดจริงๆ หรือว่า เจ้านั้นจะสามารถจัดการพวกเขาได้?แม้ว่าเจ้า จะมิสามารถต่อกรกับมนุษย์ในอาณาจักรเมฆาแห่งความฝัน เจ้ายังมีแผนที่จะปกครองโลกใบเล็กนี้อีก?”

เจ้านครใต้พิภพส่ายหน้า และหัวเราะออกมา

“ ข้านั้นขี้เกียจจะต่อกรกับเจ้า เพราะมันมิได้ก่อให้เกิดประโยชน์อันใด ตราบที่เจ้ามิได้ย่างก้าวเข้ามายุ่งวุ่นวายกับนครใต้พิภพ เราก็มิได้มีกิจอันใดกับเจ้า แต่ถ้าเจ้าโจมตีอาณาจักรนครใต้พิภพของข้า ก็หาได้ไร้ยอดฝีมือคอยปกป้องไม่!”

‘จูล่ง’ คิดใคร่ควร พร้อมมองมายัง เจ้านครใต้พิภพ ดูเหมือนว่ามันคงเป็นไปไม่ได้ในเวลานี้ที่จะนำ ‘ยู่ หยาน’ กลับมา เขาได้แต่ถอนหายใจอันเย็นเหยียบออกมา

“ แม่นาง ยู่ หยาน  เวลานี้เจ้าสามารถหลบอยู่ที่นี่ได้ แต่ในมิช้า ข้าจะมาจับเจ้ากลับไป!”

หลังจากกล่าวจบ  ‘จูล่ง’ ค่อยๆ เลือนหายไปอย่างไร้ร่องรอย

เมื่อตรวจจับรัศมีพลังของ ‘จู ล่ง’ ได้เลือนหายไปแล้ว เจ้านครใต้พิภพก็ปล่อยให้เลือดไหลออกมาจากมุมปาก ในการต่อสู้ระหว่างพลังสัจธรรมในครั้งนี้นั้นทำให้เขาได้รับบาดเจ็บภายในบางส่วน

“ท่านเป็นอะไรมากหรือไม่? “

‘หลิง หยุน’ ปรากฏกายด้านข้าง เจ้านครใต้พิภพ

เจ้านครใต้พิภพ ส่ายหน้าของเขา

“ จูล่งนั้นแข็งแกร่งมากและยังแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นไปอีก ถ้าข้ารู้ว่าวันหนึ่งเขาจะมีพลังมากมายขนาดนี้ ข้าคงจะต้องใช้ทุกอย่างที่พลังของข้ามี กำจัดเขาตั้งแต่เมื่อครั้งก่อนแล้ว ในตอนนี้นั้นเขาสำเร็จวิชาเจ็ดดอกบัว แม้พวกเราทั้งเจ็ดร่วมมือกัน เราอาจจะไม่สามารถเอาชัยเขาได้! เขานั้นมิได้ล่วงรู้ถึงขีดความสามารถของพวกเรา และยังกังวลว่าพวกเราอาจจะมีไพ่ตายซ่อนอยู่ เขายังคงมิกล้าผลีผลาม มิเช่นนั้นแล้วเขาคงจะมิรามือโดยง่ายเช่นนี้”

‘เทียน ฮุน’  ปรากฏกายด้านข้างของ เจ้านครใต้พิภพ

“ ข้าไม่เคย คาดคิดเลยว่าเขานั้นจะแข็งแกร่งมากขนาดนี้ ข้าเกรงว่าจะมิมีผู้ใดในโลกใบเล็กนี้ที่จะสามารถ ต้านทานเขาได้”

อีกสี่ยอดฝีมือที่เหลือ ยังมิได้ตามมา คงไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ ที่ ‘จู ล่ง’ จะย้อนกลับมาอีก มันจะเป็นการดีถ้าพวกเขายังไม่แสดงพลังเต็มที่ให้ใครเห็น

“ ในก่อนหน้านี้ การต่อสู้ระหว่างนิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์ และ นิกายเทพอสูร ข้าได้เสียชีวิตลงถึงสามครั้งด้วยกัน มิเช่นนั้นแล้วข้าคงจะสามารถโค่นเขาลงได้”

เจ้านครใต้พิภพกล่าววาจาด้วยเสียงจริงจัง

“ พวกเรา ต้องรีบคืนความแข็งแกร่งของเรากลับมาโดยเร็ว มิเช่นนั้นแล้วข้าเกรงว่าโลกใบเล็กนี้จะต้องถึงจุดจบและถูกปกครองโดยเขาเป็นแน่”

กลุ่มคนทั้งสาม เลือนหายไปในท้องฟ้า บริเวณชั้น ห้าของหอคอยนรกทมิฬ คนสองคนต่างกำลังเผชิญหน้ากันอยู่ สามารถเข้าถึงสภาพอนัตตา ซึ่งมิใช่เรื่องง่ายเลยในการเข้าถึง  จอมมาร ยืนขึ้น และ จ้องมามายัง’เนี้ยหลี่’ และ’ยู่หยาน’

‘เนี้ยหลี่’ ลืมตาขึ้นพร้อมทั้งจ้องมองไปยังจอมมาร เตรียมพร้อมในการรับการจู่โจมตลอดเวลา

จอมมาร เหลือบตามองมายัง ‘เนี้ยหลี่’พร้อมทั้งกล่าวขึ้นว่า

“ เจ้านั้นต้องการที่จะตามข้าขึ้นไปยังชั้นหกของหอคอยนรกทมิฬนี้หรือไม่?”

กลิ่นอายของการกระหายเลือดนั้นแผ่พุ่งออกมาจากร่างกายของจอมมาร

‘เนี้ยหลี่’ยักไหล่ พร้อมกล่าวขึ้นว่า

“ ข้าจะขึ้นไปในภายหลัง”

จอมมารยืนนิ่ง แล้วเดินขึ้นบันไดเวียนวงกลมไปยังชั้นที่หก ‘เนี้ยหลี่’รู้สึกได้ว่าจอมมารนั้นต้องต่อสู้กับเพลิงทมิฬอยู่ทุกย่างก้าว ที่หลั่งไหลเข้ามาสู่ภายในร่างกายของเขา แต่ว่าเขานั้นยังคงจัดการกับมันได้พร้อมทั้ง ย่างก้าวขึ้นบันไดสู่ชั้นต่อไป

“ ดูแลตัวเอง ไม่ให้โดนย่างไปซะก่อนหละ”

‘เนี้ยหลี่’ส่งเสียงไปยังจอมมาร ที่กำลังก้าวเดินไปยังชั้นต่อไป

จอมมารชะงักในทันที พร้อมหันกลับมายัง’เนี้ยหลี่’ เขาจ้องมอง’เนี้ยหลี่’โดยปลดปล่อยจิตสังหารออกมา จากนั้นจึงหันหลังกลับแล้วเดินขึ้นบันไดต่อไป

“ ข้าเพียง ตักเตือนเจ้าด้วยความปรารถนาดี  แต่เจ้ากลับมองข้าเป็นศัตรูแทน เจ้าชั่งเป็นคนที่น่าเบื่อเสียจริงนะ “

‘เนี้ยหลี่’ยังคงนั่ง และพยายามที่จะทำสมาธิเข้าถึงสภาพแห่งจิต ตั้งแต่จอมมารย่างกายขึ้นสู่ชั้นหก ของหอคอยนรกทมิฬแห่งนี้ นั่นก็หมายความว่าเขาสามารถที่จะบ่มเพาะพลังได้อย่างสงบสักที

จิตของเขาค่อยๆ เข้าสู่ชั้นที่ลึกลงไปเรื่อยๆ จิตวิญญาณของเขาเหมือนราวกับว่าล่องลอยอยู่บนก้อนเมฆ สามารถนั่งอยู่บนมันได้   ‘เนี้ยหลี่’ มองเห็นไข่ซึ่งลอยอยู่ในอากาศ เต็มไปด้วยรอยปริแตก ดูเหมือนว่ามันกำลังผสานเรียบเรียงพลังแต่ละชนิดที่มีคนใส่เข้ามาภายในตัวมัน

‘เนี้ยหลี่’ สามารถรู้สึกได้เลยว่าไข่ ใบนี้ปกปิด สิ่งที่น่ากลัวอยู่ภายใน พลังมหาศาล ที่ดูลี้ลับไม่สามารถหยั่งได้ พลังที่แผ่ออกมานั้น สามารถทำให้เขารู้สึกลึกๆได้ถึง ความกระหายเลือด และอำนาจในการเข่นฆ่า และทำลายล้างที่แผ่พุ่งมายังเขา

ในชาติภพที่แล้ว  ‘เนี้ยหลี่’ สามารถนำเอาประสบการณ์ที่สั่งสมมาพิจารณา จึงรับรู้ได้ว่า อำนาจที่ซ่อนเร้นอยู่ในสายเลือดภายในไข่ใบนี้  ต้องผ่านประสบการณ์อาบโลหิตและเข่นฆ่ามากมายขนาดไหน จึงจะมีรังสีเช่นนี้แผ่ออกมา

กลิ่นอายของการฆ่าชนิดนี้นั้น ถึงกับทำให้’เนี้ยหลี่’ รู้สึกกลัวได้เลย เขาสงสัยอยู่ว่าสิ่งมีชีวิตชนิดใดที่จะปรากฏตัวออกจากไข่ใบนี้กัน..

จบตอน

แปลโดย ผู้ไม่ประสงค์ออกนาม

ที่มา:

ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments