I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Tales of Demons & Gods (妖神记) ตอนที่ 257 ศัตรูจู่โจม

| Tales of Demons & Gods (妖神记) | 18686 | 2532 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

เนื่องจากพลังวิญญาณของนางถูกใช้จนหมดสิ้นแล้ว ร่างกายของ’เซี่ยวหนิงเอ๋อ’เริ่มที่จะอ่อนแรงลงไปเรื่อยๆ ใบหน้าที่งดงามของนางชุ่มไปด้วยเหงื่อ และค่อยๆดูซีดลงทีละนิด

ในเวลาเดียวกัน ‘เนี่ยลี่’รู้สึกราวกับว่าอยู่ในความฝันอันยาวนาน ภายในความฝันเขามองเห็น ครอบครัวของเขา คนที่เขารัก และเพื่อนๆของเขา ค่อยๆตายจากไปทีละคน โดยที่เขาไม่อาจจะทำอะไรได้

จากนั้นเขาก็ได้ค้นหาวิธีที่จะให้พวกเขาคืนชีพกลับมา  แต่จักรพรรดิปราชญ์ก็ดับความหวังของเขาไปจนหมดสิ้น สุดท้ายเขาก็ถูกทอดทิ้งให้อยู่เพียงลำพัง และตายไปในที่สุด

เพราะความลี้ลับของ หนังสือจิตอสูรท่องเวลา เขาได้รับการฟื้นคืนชีวิตและได้รับโอกาสครั้งที่สอง

อย่างไรก็ตาม สาเหตุของเหตุการณ์ทั้งหมดเหล่านี้ เกิดจากหนังสือจิตอสูรท่องเวลา ที่เขายังค้นหาไม่พบ

ขณะที่เขาครุ่นคิดเกี่ยวกับเรื่องของมัน ‘เนี่ยลี่’ก็รู้สึกปวดหัวเป็นอย่างมาก เขาไม่อาจเข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้น

ในความฝันของเขา เขากำลังจะคว้า หนังสือจิตอสูรท่องเวลา แต่มันก็กลายเป็นแสงและหายไปในท้องฟ้าที่กว้างใหญ่

หนังสือจิตอสูรท่องเวลา คือสาเหตุของทุกอย่างที่มีอยู่ในปัจจุบัน มันอาจจะเป็นเพราะว่าเมื่อเขากลับมาในชีวิตนี้ เขาได้รับการฟื้นคืนชีวิตแต่อยู่คนละเส้นเวลากัน โลกคู่ขนาน เรื่องหนึ่งที่อาจเป็นไปได้ก็คือ อาจจะไม่มีการคงอยู่หนังสือจิตอสูรท่องเวลา ในเส้นเวลานี้

ความรู้สึกปวดหัวอย่างรุนแรงทำให้เขาค่อยฟื้นสติอย่างช้า ๆ เขาลืมตาขึ้นมา เขามองเห็น’เซี่ยวหนิงเอ๋อ’ ที่กำลังร้องไห้อยู่ที่ข้างเตียงของเขา นางสวมชุดสีชมพูและมีคราบน้ำตาอยู่เต็มใบหน้าของนาง สายตาของนางมองแล้วช่างน่าสงสาร มองลงมาที่คอของนางเห็นลำคอสีขาวราวกับไข่มุก ตรงส่วนกระดูกไหปลาร้าของนางช่างเรียบเนียนราวกับหยก

 “แค่ก แค่ก”

‘เนี่ยลี่’ไออย่างลำบากใจ ในขณะที่เขาหันไปมองรอบๆ

‘เซี่ยวหนิงเอ๋อ’ที่กำลังก้มหน้าร้องไห้อยู่นั้น รีบลุกขึ้นนั่งมาด้วยความตกใจ ทันทีที่เงยหน้าขึ้นมา สายตาของนางก็เปร่งประกายไปด้วยความสุข นางมองดูเนี่ยลี่แล้วก็สวมกอดเขาทันที

“เนี่ยลี่ เจ้าตื่นขึ้นมาแล้วเหรอ?”

‘เซี่ยวหนิงเอ๋อ’ยังคงกอด’เนี่ยลี่’อย่างแนบแน่น ทุกอย่างนี้ราวกับความฝัน ทำให้นางรู้สึกกลัว ‘เนี่ยลี่’หมดสติไปเป็นเวลานาน และ’เซี่ยวหนิงเอ๋อ’ นางเกรงว่าเขาจะหมดสติไปอีกครั้ง

จากการที่ได้สวมกอดทำให้’เนี่ยลี่’นั้นได้สัมผัสถึงกลิ่นหอมและความนุ่มนวล เขารู้สึกตกตะลึงไปชั่วขณะ ในสายตาของเขาปรากฏความอ่อนโยนอย่างเห็นได้ชัด

แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่า ตัวเขาหมดสติไปนานแค่ไหน เขามีความคิดว่ามันเป็นเวลาที่ยาวนานพอสมควร นับตั้งแต่เซี่ยวหนิงเอ๋อ นางห่วงราวกับว่าเขานั้นกำลังจะตาย  เขาลูบหัวของนางเบาๆ กลิ่นหอมละมุนของหญิงสาวลอยมาหาเขา ตอนที่เขาหมดสติไป เซี่ยวหนิงเอ๋อเป็นห่วงเขาจนแทบจะใจสลายไปอีกคน

ความรู้สึกอบอุ่นที่แผ่ออกมาจากตัวของ’เนี่ยลี่’ ทำให้’เซี่ยวหนิงเอ๋อ’มั่นใจว่านี่ไม่ใช่ความฝัน ขณะที่กอดอยู่ใบหน้าของนางเริ่มเปลี่ยนเป็นสีชมพูระเรื่อ แต่นางก็ยังไม่อยากที่จะคลายกอดจากเขา ความอ่อนนุ่มที่สัมผัสอยู่ตอนนี้ทำให้นางรู้สึกว่าเนี่ยลี่นั้นเป็นของนาง

ทันใดนั้น มีร่างของคนสอนคนรีบวิ่งเข้ามาในห้อง

เมื่อเห็นว่าทั้งสองคนกำลังกอดกันอยู่ ‘เซี่ยวซุ่ย’ รับหันหลังกลับพร้อมกับพูดว่า

“ข้าไม่เห็นอะไรทั้งนั้น เชิญเจ้าทั้งคู่ทำต่อไปได้เลยนะ”

เมื่อ’เนี่ยลี่’หันไปมอง’เอียจื้ออวิ้น’ ‘เนี่ยลี่’รู้สึกเขินเล็กน้อย และกำลังจะอธิบายให้นางฟัง

เขาสังเกตุเห็นรอยคราบน้ำตาบนใบหน้าของนาง สิ่งที่แสดงออกมาบนใบหน้าของนางนั้นมิได้มีความรู้สึกหึงหวงเลยแม้แต่น้อย มีเพียงแต่ความรู้สึกมีความสุข ที่ทั้งคู่ได้พบกันอีกครั้งหลังจากที่ผ่านมาเนิ่นนาน นางเดินไปหา’เนี่ยลี่’และนั่งลงตรงเก้าอี้ใกล้ๆหัวเตียง

ตราบใดที่’เนี่ยลี่’ยังมีชีวิตอยู่ เรื่องอื่นใดนั้นไม่มีความสำคัญแม้แต่น้อย ในช่วงเวลาที่’เนี่ยลี่’หมดสติอยู่ ‘เอียจื้ออวิ้น’ได้คิดทบทวนเรื่องราวต่างๆที่ผ่านพ้นมาแล้ว ถ้าหากว่าเขาฟื้นขึ้นมา นางก็ไม่คิดที่จะต่อสู้แย่งชิงกับ’เซี่ยวหนิงเอ๋อ’อีกแล้ว ในการเผชิญหน้ากับความตาย จะมีอะไรที่มันสำคัญอีกเหรอ

เมื่อเขามอง’เอียจื้ออวิ้น’ที่นั่งอยู่ข้างเตียง พร้อมกับน้ำตาที่ไหลนองออกมา

‘เนี่ยลี่’รู้สึกราวกับว่าหัวใจของเขากำลังละลายด้วยสายตาที่อ่อนโยนของนาง มันอาจจะเรียกได้ว่าสวรรค์ได้ประทานพรให้เขาได้มาพบกับนางอีกครั้งในชีวิตนี้

เขาเอื้อมมือออกไปและเอา’เอียจื้ออวิ้น’เข้ามาไว้ในอ้อมกอด ดวงตาของเขาก็เต็มไปด้วยน้ำตาเช่นกัน

ด้วยการที่เขาประสบการณ์อันยุ่งเหยิง ตลอดชีวิตก่อนหน้านี้ของเขา สิ่งหนึ่งที่เนี่ยลี่นั้นกลัวมากที่สุดก็คือ กลัวว่าสิ่งที่ทุกอย่างที่เขากำลังประสบอยู่ในขณะนี้เป็นเพียงความฝันแต่ตอนนี้เมื่อเขาจ้องมองไปยังผู้หญิงสองคนที่อยู่ตรงหน้าของเขา เขาถึงได้มั่นใจว่าเขายังมีชีวิตอยู่จริงๆในโลกนี้

‘เอียจื้ออวิ้น’กับ’เซี่ยวหนิงเอ๋อ’นั้นจริง ๆ แล้วก็ไม่ได้ต่อสู้แย่งชิงกันเลย ‘เซี่ยวซุ่ย’จ้องมองด้วยความตกตะลึง นางใช้ความคิดในสมองจนหัวหมุนไปหมด

ถึงอย่างไร นางได้คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ ในตอนนี้ ตราบเท่าที่พวกเขายังคงมีชีวิตอยู่ ความรู้สึกจริงๆของพวกเขาในตอนนี้ จะมีอะไรสำคัญไปกว่านี้อีกหล่ะ

ในโลกที่สับสนวุ่นวายใบนี้ ไม่มีใครรู้ว่าพวกเขาจะมีชีวิตต่อไปยาวนานสักเท่าใด ดังนั้นสิ่งที่สำคัญที่สุด คือการอยู่อย่างมีความสุขกับคนที่สำคัญที่สุด แค่เพียงเท่านั้นเอง

ในตอนนั้นเอง ‘ต้วนเจี้ยน’ ‘ลู่เพียว’ ‘ตู่ซื่อ’ และคนอื่น ๆก็มาถึงแล้วเช่นกัน เมื่อเข้ามาในห้อง สายตาของพวกเขาเบิกกว้างขึ้นเมื่อเห็นว่า ‘เนี่ยลี่’ กำลังโอบกอดสาวงามในอ้อมแขนแต่ละข้าง

‘ลู่เพียว’เกาหัวของเขา พร้อมกับพูดว่า

“หนอย เจ้าบ้าเนี่ยลี่ มันน่าแค้นใจยิ่งนัก!”

ทั้งสองสาวนับว่าเป็นเทพธิดาของสถาบันกล้วยไม้อันศักดิ์สิทธิ์ที่คนนับไม่ถ้วนต่างหมายปอง แต่ในตอนนี้ทั้งสองคนถูกยึดไปครอบครองโดย’เนี่ยลี่’ แต่ในตอนนี้ที่’ลู่เพียว’รู้ว่า’เนี่ยลี่’นั้นได้สติ เขาก็รู้สึกดีใจมากแล้ว ‘ตู่ซื่อ’ยิ้ม

เมื่อที่’เนี่ยลี่’ฟื้นขึ้นมา พวกเขาทุกคนก็รู้สึกโล่งใจ

“ข้าไม่ได้สติมานานแค่ไหนแล้ว?”

‘เนี่ยลี่’ถาม’ตู่ซื่อ’และคนอื่นๆ

“เจ้าหมดสติไปมากกว่าหนึ่งเดือนแล้ว”

‘ตู่ซื่อ’ตอบอย่างจริงจัง

“อะไรนะ มากกว่าหนึ่งเดือน?”

‘เนี่ยลี่’รู้สึกประหลาดใจมาก เขารู้ว่าเขาไม่ได้สติเป็นเวลานาน เขาคิดว่าคงจะเพียงแค่สองหรือสามวัน มันทำให้เขารู้สึกตกใจไม่น้อย  เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า เขาจะหมดสติไปนานขนาดนั้น

 “เนี่ยลี่ ร่างกายเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?”

‘ลู่เพียว’ถามด้วยความกังวลเล็กน้อย แม้ว่าปกติเขาจะดูบ้าๆบอๆ แต่เขาก็เป็นห่วง’เนี่ยลี่’ไม่น้อย

‘เนี่ยลี่’ลองหมุนเวียนพลังแห่งสัจธรรมเป็นเวลาสั้นๆ แล้วก็ส่ายหัว

“ร่างกายของข้าไม่ได้มีอะไรที่ผิดปกติ”

ร่างกายของเขายังคงเป็นเช่นแต่ก่อน นอกจากอาการปวดหัวแบบแปลกๆ แต่ก็ไม่ได้เป็นปัญหาใหญ่นัก แต่เขาก็คิดไม่ออกว่าทำไมเขาถึงได้รับการหมดสติเป็นเวลานานขนาดนี้ ไม่ว่าจะคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้เท่าไหร่ก็ไม่อาจหาคำตอบได้ แล้วในตอนนี้หนังจือจิตอสูรท่องวิญญาณก็หายไป การที่เขาจะทำอย่างไรต่อไป คงต้องรอดูหลังจากที่เขาไปถึงอาณาจักรซากมังกรแล้ว

‘เนี่ยลี่’จับตรงหน้าอกของเขา ก็พบว่าหน้าหนังสือของหนังจือจิตอสูรท่องวิญญาณ ทั้ง 2 แผ่นก็ยังอยู่กับเขา ดูเหมือนว่าเขาจะต้องรอวันที่ความลึกลับของหนังจือจิตอสูรท่องวิญญาณจะเปิดเผยออกมาเท่านั้นและข่าวที่ว่า’เนี่ยลี่’ฟื้นขึ้นมาและได้สติแล้วก็กระจายไปทั่วตำหนักของเจ้าเมืองอย่างรวดเร็ว

เมื่อพวกเขาทราบข่าวว่า’เนี่ยลี่’นั้นได้สติแล้ว ทั้ง’เอียเซิ่ง’ และ ‘เอียมัว’ ต่างก็รู้สึกโล่งใจ พวกเขาละทิ้งสิ่งที่กำลังทำอยู่ในมือและรีบวิ่งไปยังห้องพักฟื้นของ’เนี่ยลี่’

ด้วยความช่วยเหลือของ’เอียจื้ออวิ้น’และ’เซี่ยวหนิงเอ๋อ’ ‘เนี่ยลี่’จึงได้ลุกขึ้นจากเตียง และค่อยๆเคลื่อนไหว ร่างกายของเขาค่อยๆกลับมาแข็งแรงอีกครั้ง

‘เนี่ยลี่’และคนอื่น ๆ เดินไปที่ลานกว้างกัน มีเสียงนกกำลังร้องเพลง และกลิ่นหอมหวลของดอกไม้ ได้ความรู้สึกของฤดูใบไม้ผลิ

‘เนี่ยลี่’ครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งแล้วกล่าวว่า

“อีกไม่นานนี้ พวกเราจะต้องมุ่งหน้าไปยังอาณาจักรซากมังกร ข้าต้องการที่จะกลับไปหาครอบครัว เพื่อที่จะกล่าวลา”

‘เอียจื้ออวิ้น’คิดอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นจึงกล่าวว่า

“ร่างกายของเจ้ายังไม่หายดีเลย มันจะดีกว่า ถ้าหากเจ้าพักรักษาตัวก่อนเป็นอย่างแรก ทำไมไม่ให้ข้าส่งคนไปรับท่านลุงมายังตำหนักเจ้าเมืองหล่ะ?”

เพื่อป้องกันไม่ให้คนในตระกูลของของ’เนี่ยลี่’นั้นเป็นกังวล พวกเขาจึงบอกไปว่า ‘เนี่ยลี่’กำลังมุ่งเน้นในการบ่มเพาะพลัง ดังนั้นคนในตระกูลของ’เนี่ยลี่’จึงไม่ทราบว่าที่ผ่านมานั้น’เนี่ยลี่’ไม่ได้สติอยู่

หลังจาก’เนี่ยลี่’ครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง ก็พยักหน้า

”ทำอย่างที่เจ้าพูดก็ได้”

ในขณะที่พวกเขาคุยกันอยู่ ‘เอียเซิ่ง’ก็วิ่งเข้ามา เขาเป็นห่วงมากเมื่อได้ทราบข่าวว่า’เนี่ยลี่’ไม่ได้สติ แม้ว่าปกติเขาจะต่อล้อต่อเถียงกับ’เนี่ยลี่’เป็นประจำ แต่ในใจของเขานั้น ‘เอียเซิ่ง’ก็ได้ยอมรับว่าเจ้าเด็กคนนี้เป็นลูกเขยของเขาแล้ว เมื่อเห็นว่า’เนี่ยลี่’ยังคงมีชีวิตอยู่และยังแข็งแรง ก็ปรากฏรอยยิ้มขึ้นบนใบหน้าของ’เอียเซิ่ง’

‘เอียเซิ่ง’ทำท่าทางขึงขังแล้วพูดออกมาว่า

“เนี่ยลี่ เจ้าเด็กเหลือขอ! ในที่สุดเจ้าก็ฟื้นขึ้นมาเสียที ถ้าหากเจ้าทำให้ลูกสาวของข้าเป็นม่ายตั้งแต่ยังสาว ข้าจะต้องให้บทเรียนแก่เจ้า ที่ทำให้นางต้องเสียใจ ”

หลังคำพูดของพ่อของนาง ‘เอียจื้ออวิ้น’หน้าแดงพร้อมกับกระทืบเท้าของนาง ‘เนี่ยลี่’เพิ่งจะได้สติมาไม่นาน พ่อของนางกลับมาพูดเรื่องไม่เป็นเรื่องเช่นนี้

‘เนี่ยลี่’ยิ้มแล้วตอบกลับไปว่า

“ขอบคุณท่านพ่อตาที่เป็นห่วงข้า ตอนนี้ข้าหายดีแล้ว”

‘เนี่ยลี่’ไม่ได้สติเป็นเวลานาน แต่ตอนนี้เขาได้เห็น’เอียเซิ่ง’อีกครั้ง เขากลับไม่ได้ให้คำพูดที่มี ความรู้สึกห่วงใย ใกล้ชิดกันเลยแม้แต่น้อย ดังนั้น’เนี่ยลี่’จึงไม่ได้โต้เถียงกลับไป

“ทำไมเจ้าเด็กคนนี้ ถึงกลายเป็นคนที่มีมารยาทเช่นนี้?”

‘เอียเซิ่ง’เกิดความสงสัย หรือว่าหลังจากที่เขาฟื้นขึ้นมาจากการหมดสติ เขาก็ได้รู้แจ้งแล้ว เขามองไปยัง’เอียจื้ออวิ้น’ ‘ตู่ซื่อ’และคนอื่นๆ เด็กพวกนี้ล้วนเป็นความหวังของเมืองกลอรี่ สิ่งเดียวที่ทำให้เขารู้สึกเศร้าใจ คือเรื่องที่’เนี่ยลี่’และคนอื่น ๆ กำลังจะมุ่งหน้าไปยังอาณาจักรซากมังกร แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าอาณาจักรซากมังกรเป็นอย่างไร แต่ที่เขารู้คือมันอยู่ห่างไกลมาก

แต่ถ้าหากลูกอินทรีย์มิได้สบายปีก มันก็มิอาจจะกลายเป็นอินทรย์ที่สง่างามได้ คนแก่เช่นเขาคงจะถึงเวลาที่ต้องนั่งพักแล้ว จากนั้นก็ปล่อยให้เด็กพวกนี้โผบินเสียทีบรรยากาศในส่วนปีกของตำหนักดูมีชีวิตชีวามากที่ ทุกคนต่างก็มีความสุขและความสามัคคี

‘เนี่ยลี่’และ’เอียจื้ออวิ้น’ ทั้งคู่กำลังพูดคุยกันอย่างสนุก แม้ว่า’เอียเซิ่ง’จะยืนจ้องมองอยู่ แต่ในสายตาของเขาที่มอง’เนี่ยลี่’และ’เอียจื้ออวิ้น’อยู่นั้น เต็มไปด้วยความอ่อนโยน เมื่อเขาเห็นว่าลูกสาวของเขานั้นมีความสุข มันก็ช่วยไม่ได้ที่จะทำให้เขารู้สึกมีความสุขเช่นกัน

ในตอนนี้ เมืองกลอรี่ยังห่างไกลจากคำว่าปลอดภัย เมื่อเทียบกับที่ผ่านมา แม้ว่าจะมี’เนี่ยลี่’และกลุ่มของเขา รวมไปถึงค่ายกลหมื่นอสูรรวมไปถึงผู้เยี่ยมยุทธระดับตำนานอีกมากมาย ซึ่งพวกเขาแข็งแกร่งมากพอที่จะรับประกันความปลอดภัยให้เมืองกลอรี่

ดวงอาทิตย์ค่อยๆลับขอบฟ้า
ในขณะที่รัตติกาลค่อยๆปกคลุมจนทั่วท้องฟ้า

 “เหตุใดท่านปู่จึงยังไม่มา?”

‘เอียจื้ออวิ้น’เอ่ยถามด้วยความสงสัย

“นั่นสิ เขาน่าจะทราบข่าวแล้วนะ!”

‘เอียเซิ่ง’ก็สงสัยเช่นกัน แม้ว่า’เอียมัว’จะทำการบ่มเพาะพลังอยู่ก็ตาม ถ้าหากเขาทราบข่าวว่า’เนี่ยลี่’ได้สติ เขาน่าจะรีบวิ่งมาทันทีเลยก็ไม่ใช่เรื่องแปลกขณะที่พวกเขาคุยกัน ทันใดนั้นก็เกิดเสียงการต่อสู้กันอย่างรุนแรง มาทางตำหนักเจ้าเมือง

*ตูม!* *ตูม!* *ตูม!*

อาคารหลายหลังได้ถล่มลงมา

“นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”

‘เอียเซิ่ง’ขมวดคิ้วของเขาและลุกขึ้นทันที ‘เนี่ยลี่’จ้องมองด้วยความสงสัย ใครกันที่กล้ามาสร้างความวุ่นวายในตำหนักเจ้าเมือง ? ในตอนนี้นอกเหนือจากผู้เยี่ยมยุทธระดับตำนาน ในตำหนักเจ้าเมืองก็ยังถูกป้องกันโดยค่ายกลหมื่นอสูรอีกด้วย นอกเสียจากว่าจะมีผู้เยี่ยมยุทธระดับเซียนบุกเข้ามา ไม่เช่นนั้นการที่ผู้บุกรุกจะรอดชีวิตกลับไปก็คงจะเป็นไปไม่ได้

“ไปดูกันเถอะ!”

‘เอียเซิ่ง’กระโจนไปยังทิศทางที่ได้ยินเสียง

‘เนี่ยลี่’สร้างปีกสีขาวและดำ ก่อรูปขึ้นมาอย่างรวดเร็ว พร้อมกับทะยานออกไป

‘ต้วนเจี้ยน’ ‘ตู่ซื่อ’ ‘เอียจื้ออวิ้น’ และคนที่เหลือ รีบตามหลังของเขาไป

*ตูม!* *ตูม!* *ตูม!*

ผลของการต่อสู้ที่รุนแรง ถึงกับทำให้ส่วนกลางของตำหนักเจ้าเมืองกระจุยกระจายไปทั่ว อาคารนับไม่ถ้วนถล่มทะลายเป็นฝุ่นฟุ้งกระจายไปในท้องฟ้า มันดูราวกับพายุที่น่ากลัวได้พัดผ่าน

เหล่าผู้เยี่ยมยุทธของเหมืองกลอรี่หลายคนยืนอยู่บนต้นไม้ บนกำแพง และบนหลังคา ทั้งหมดยืนดูการต่อสู้ในส่วนกลางของลานกว้าง การต่อสู้นี้มันน่ากลัวเกินไป!

มันไม่ใช่อะไรที่พวกเขาจะรับมือได้ ดังนั้นจึงไม่มีใครกล้าที่จะเข้าไปใกล้มันเป็นผู้ใดกัน

ที่กล้ากระทำเรื่องอุกอาจเช่นนี้ในตำหนักเจ้าเมือง?

 

..จบตอน

แปลโดย นายมะพร้าว

คลิกเพื่อไปหน้าโฆษณาสนับสนุนเพจ

ที่มา:

ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments